ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สถาบันอาหาร จับมือ สศอ. โปรโมท “มาตรฐานรสชาติอาหารไทย” เน้นเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ชูเครื่องหมาย “รสไทยแท้” นำร่องที่แรก จ.ภูเก็ต


              จ.ภูเก็ต//สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)  เดินหน้าโปรโมท “มาตรฐานรสชาติอาหารไทย” พร้อมประชาสัมพันธ์เครื่องหมาย “รสไทยแท้” ในเบื้องต้นให้การรับรองอาหารคาวหวานรวม 14 เมนู ตั้งเป้าปีหน้าเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า เมนู นำร่องจ.ภูเก็ตเป็นที่แรกเตรียมโรดโชว์ในประเทศต่อเนื่อง เน้นเมืองท่องเที่ยวใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ พัทยา หวังเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ เพื่อเผยแพร่สู่ชาวต่างชาติ ส่วนต่างประเทศเตรียมจับมือกับกระทรวงการต่างประเทศไปญี่ปุ่น  อังกฤษ และประเทศในโซนยุโรปที่มีร้านอาหารไทยจำนวนมาก 

              โดยจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานอาหารไทยเทคนิควิธีการประกอบอาหาร และการใช้วัตถุดิบทดแทน พร้อมสาธิตการปฏิบัติเมนูอาหารามมาตรฐานอาหารไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมมาตรฐานด้านรสชาตอาหาร  ภายใต้ “โครงการการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยด้วยระบบมาตรฐานเพื่อเป็นครัวอาหารของโลก(Authenticity of Thai Food for The World)ให้กับผู้ประกอบการและผู้ปรุงอาหาร(เชฟ) จากภัตตาคาร ร้านอาหารในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 80 ราย เมื่อวันที่ 13 – 14 ก.ค.2560 ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต  พร้อมจัดงานดินเนอร์ “Authenticity of Thai Food for the World” ณ โรงแรมโนโวเทลภูเก็ต โภคีธรา ในช่วงค่ำของวันที่ 14 ก.ค. 2560 โดยมีผู้เข้าร่วมงานราว 120 ท่าน ประกอบด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน  ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงอาหาร  โรงแรมสายการบิน  สถาบันการศึกษา และสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ตเพื่อแนะนำโครงการฯ และเผยแพร่อาหารคาวหวาน “รสไทยแท้” 14 เมนู ประกอบด้วยเมนู ผัดกะเพราหมู  แกงเขียวหวานเนื้อ ต้มข่าไก่ มัสมั่น แกงเลียง ผัดไทย ต้มยำกุ้ง พะแนงเนื้อ ส้มตำไทย ลาบหมู สะเต๊ะไก่ ผัดเปรี้ยวหวาน ข้าวเหนียวมะม่วง และทับทิมกรอบ

นางสาวนิสากร  จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าเพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานอาหารไทยทั้งในภาคการผลิตและภาคการบริการให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับสากเป็นมาตรฐานเดียวกันในด้านคุณภาพการผลิตและรสชาติอาหารและเพื่อส่งเสริมการใช้วัตถุดิบไทยโดยนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้านวิเคราะห์ทดสอบกลิ่นและรสมาเชื่อมโยงรองรับมาตรฐานอาหารไทย สนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถผลิตอาหารไทยทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์แปรรูป และกึ่งสำเร็จรูป รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารไทยที่เปิดบริการอยู่ทั่วโลกราว 20,000 ร้าน สามารถปรุงอาหารไทยให้ได้รสชาติที่มีมาตรฐานและยังคงเอกลักษณ์อาหารไทยในทุกมิติภายใต้มาตรฐาน“รสไทยแท้”(Rod Thai Tae) 

 “กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้สถาบันอาหาร ดำเนินการจัดทำโครงการการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยด้วยระบบมาตรฐานเพื่อเป็นครัวอาหารของโลก” ขึ้น ด้วยการนำเครื่องมือและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ประยุกต์ร่วมกับองค์ความรู้ของผู้เชี่ยวชาญอาหารไทย ซึ่งมีศิลปะในการปรุง การชิม มากำหนดมาตรฐานอาหารไทย เป็นการนำเอาหลักการสากลด้านกระบวนการรับรองมาตรฐานมารองรับ ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างอัตลักษณ์อาหารไทยให้ต่างชาติได้รับรู้ว่ารสชาติอาหารไทยที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร โดยใช้ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ ผนวกกับด้านประสาทสัมผัสในการสร้างมาตรฐานให้อยู่ในช่วงค่าที่ยอมรับได้ เนื่องจากผู้บริโภคในแต่ละประเทศอาจจะมีรสนิยมในด้าน

 รสชาติที่แตกต่างกันบ้าง   ก็สามารถนำไปปรับตามความต้องการได้ โดยยังคงอยู่ในช่วงมาตรฐานก็ไม่ถือว่าผิดกติกาและได้นำเสนอกับท่านนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยท่านได้กรุณาให้คำแนะนำในการใช้เครื่องหมายมาตรฐานเพื่อรักษารสชาติอาหารไทยไว้ว่า “รสไทยแท้” (Rod Thai Tae) การดำเนินการในครั้งนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในภาคธุรกิจบริการอาหาร และส่งต่อไปยังภาคอุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งเชื่อมโยงไปสู่ภาคการเกษตรซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบหลัก

นายถาวรวัฒน์  คงแก้ว ปลัดจังหวัดภูเก็ต  กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นเมืองพิเศษที่แตกต่าจากจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย มีวิถีชิวิตด้วยการประกอบอาชีพประมง และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว    จึงเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทั้งประชาชน นักธุรกิจ ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัย และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เข้ามาเยี่ยมเยียน ด้วยการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2559 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาภูเก็ตประมาณ 13.4 ล้านคน ปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดให้บริการทุกระดับเกือบ 2,000 แห่ง ห้องพักไม่ต่ำกว่า 100,000 ห้อง

 จังหวัดภูเก็ตจึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการสร้างการรับรู้เรื่องราว และโครงการต่างๆ ที่สำคัญของภาครัฐ สำหรับ“โครงการการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยด้วยระบบมาตรฐานเพื่อเป็นครัวอาหารของโลก” (Authenticity of Thai Food for The World)ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการประชาสัมพันธ์มาตรฐานอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ และสำหรับคนไทยที่ประกอบธุรกิจบริการทั้งร้านอาหาร และภัตตาคารซึ่งเป็นผู้มีบทบาทในการประชาสัมพันธ์ความเป็นไทยทั้งวัฒนธรรม การท่องเที่ยว อาหารการกินของไทยที่เป็นอัตลักษณ์แท้จริงให้กับชาวต่างชาติได้รับรู้และนำกลับไปสื่อสารทำความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับความเป็นไทยในทุกมิติ

นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าสถาบันอาหาร ได้ดำเนิน“โครงการการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยด้วยระบบมาตรฐานเพื่อเป็นครัวอาหารของโลก” โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมมาตรฐานด้านรสชาตอาหาร พร้อมประชาสัมพันธ์เครื่องหมาย “รสไทยแท้” (Rod Thai Tae)ไปยังเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆทั่วประเทศ โดยเริ่มที่จังหวัดภูเก็ตเป็นที่แรก เพื่อเป็นจังหวัดนำร่องในการประชาสัมพันธ์มาตรฐานอาหารไทย “รสไทยแท้” รวม 14เมนูอาหารคาวหวานที่ได้ผ่านการทดสอบรสชาติมาตรฐานอาหารไทยตามกระบวนการเสร็จเรียบร้อยแล้ว 

โดยจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานอาหารไทยเทคนิควิธีการประกอบอาหาร และการใช้วัตถุดิบทดแทน พร้อมสาธิตการปฏิบัติเมนูอาหารามมาตรฐานอาหารไทย ให้กับผู้ประกอบการและผู้ปรุงอาหาร(เชฟ)จากภัตตาคาร ร้านอาหารในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 80 รายนอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่มุ่งหวังจะเห็นจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่องในการประชาสัมพันธ์มาตรฐานอาหารไทย  “รสไทยแท้” ให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตได้รับทราบ และเข้าใจในเรื่องราวของอาหารไทย ทั้งรสชาติ ส่วนผสม คุณประโยชน์ จนนำไปถ่ายทอดได้อย่างถูกต้อง 

ขณะเดียวกันได้จัดงานดินเนอร์ “Authenticity of Thai Food for the World” ณ โรงแรมโนโวเทลภูเก็ต โภคีธรา ในช่วงค่ำของวันที่ 14 ก.ค. 2560โดยมีผู้เข้าร่วมงานราว 120 ท่าน  ประกอบด้วย   แขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานาครัฐและเอกชน  ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงอาหาร  โรงแรม  สายการบิน  สถาบันการศึกษา และสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ตเพื่อแนะนำโครงการฯ และเผยแพร่อาหารคาวหวาน “รสไทยแท้” 14 เมนู ประกอบด้วยเมนู      ผัดกะเพราหมู  แกงเขียวหวานเนื้อ ต้มข่าไก่ มัสมั่น แกงเลียง ผัดไทย ต้มยำกุ้ง พะแนงเนื้อ ส้มตำไทย ลาบหมู สะเต๊ะไก่ ผัดเปรี้ยวหวาน ข้าวเหนียวมะม่วง และทับทิมกรอบซึ่งเป็นเมนูนำร่องที่สถาบันอาหารได้ร่วมกำหนดสูตรกับผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารไทยในการปรุงและทดสอบโดยการชิมและดมกลิ่น หลังจากนั้นนำอาหารไปทดสอบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้เครื่อง Electronic nose และ Electronic tongue  มาช่วยในการตรวจวัดคำนวณค่ากลิ่นรส และรสชาติค่าความเผ็ด ความเค็ม  ความหวาน ความเปรี้ยว และ    อูมามิ  เพื่อรวบรวมฐานข้อมูลใช้เป็นค่ามาตรฐานในการอ้างอิงจัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้การรับรองมาตรฐานอาหารไทยให้กับผลิตภัณฑ์อาหารไทยที่ส่งออก  ตลอดจนเมนูอาหารที่ให้บริการในร้านอาหารไทย ทั่วโลก

              นายยงวุฒิ กล่าวต่อว่า “ในปีหน้านี้สถาบันอาหารตั้งเป้าจะเพิ่มเมนูอาหาร “รสไทยแท้” อีกไม่ต่ำกว่า 5 เมนู และจัดทีมโรดโชว์เพื่อประชาสัมพันธ์มาตรฐานรสชาติอาหารไทยภายใต้เครื่องหมาย “รสไทยแท้” โดยในประเทศเน้นเมืองท่องเที่ยวใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ พัทยา เพื่อเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ เผยแพร่สู่ชาวต่างชาติ ส่วนต่างประเทศเตรียมจับมือกับกระทรวงการต่างประเทศไปจัดกิจกรรมที่ประเทศญี่ปุ่น  อังกฤษ และประเทศในโซนยุโรปที่มีร้านอาหารไทยจำนวนมาก      ทั้งนี้มีเป้าหมายยกระดับผู้ประกอบการให้ได้ 500 รายต่อปี และส่งเสริมให้ร้านอาหารไทยทั่วโลก มีการเลือกใช้วัตถุดิบที่ถูกต้องครบถ้วนตามสูตรต้นแบบการปรุงอาหารของไทย และมีรสชาติอาหารไทยที่มีความเป็นเอกลักษณ์ตามมาตรฐานที่กำหนดซึ่งการรับรองมาตรฐานอาหาร “รสไทยแท้” (Rod Thai Tae) จากสถาบันอาหาร จะเป็นเครื่องหมายหนึ่งที่ช่วยการันตีว่าผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับสากลเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกผู้ประกอบการร้านอาหารที่สนใจสามารถนำอาหารที่ปรุงสำเร็จแล้ว หรือผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปเฉพาะ 14เมนูที่สถาบันอาหารได้กำหนดมาตรฐานรสชาติอาหารไทยไว้แล้ว เข้ารับการทดสอบหาค่ามาตรฐานเพื่อขอรับเครื่องหมายมาตรฐาน  “รสไทยแท้”ได้ที่สถาบันอาหาร 




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

สถาบันอาหาร จัดสัมมนา “ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต”

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร  เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง  "นวัตกรรม หรือธรรมชาติ ”  ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต   ในวันพฤหัสบดีที่  14  กันยายน  2560  เวลา  0 8.30   -   16.00   น. ณ ห้องจูเนียร์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์   สุขุมวิท โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนผู้ประกอบการอาหารเพื่ออุตสาหกรรมอาหารอนาคต (Future Food)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้กับผู้ประกอบการท ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร  เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ในการพัฒนา สร้างโอกาสทางการค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต   โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น   สามารถ ดูรายละเอียดและ ลงทะเบียนตอบรับการเข้าร่วมได้ ที่ http://fic.nfi.or.th  หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณกนกวรรณ  ฝ่ายวิจัยและข้อมูล  โทร .   0-2422 86...

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...