ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอกาสเครื่องสำอางอาศัยไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบ ชูสรรพคุณ - กลิ่น ผ่านช่องทางตลาดแบบ“วีแชท” แนะพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตทันสมัย ได้มาตรฐานสากล

         นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(สค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยรายงานสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองกวางโจ และเมือง ซีอาน ว่า จีนป็นประเทศที่บริโภคผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่า 12.791 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ  เนื่องจากผลกระทบของมลพิษจากสิ่งแวดล้อม และความเครียด ทำให้ผู้บริโภคจีนเริ่มให้ความสำคัญต่อการดูแลผิวยิ่งขึ้น โดยเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ต่อต้านริ้วรอยและไวท์เทนนิ่ง

ทั้งนี้คาดการณ์ว่า ในอนาคตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ต่อต้านริ้วรอยและไวท์เทนนิ่งจะยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นและอย่างต่อเนื่องในตลาดเอเชีย รวมทั้งผู้บริโภคชาวจีนเริ่มมีความต้องการผลิตภัณฑ์ประเภทดูแลร่างกายอื่น อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ทรงผมและสภาพหนังศีรษะถึง น้หอมที่สั่งปรุงส่วนตัว และผู้บริโภคชาย มีความเห็นว่า ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเฉพาะกลุ่มคน อาทิ เช่น ผู้ชาย ทารก หรือเด็ก จะเป็นปัจจัยสคัญในการเลือกซื้อสินค้า

นางนันทวัลย์ กล่าวว่า ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนั้น พฤติกรรมผู้บริโภคจีน มีทัศนคติและการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของโฆษณา หรือ โปรโมชั่นอีกต่อไป แต่ผู้บริโภคจะรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและพิจารณาหลายปัจจัยควบคู่กันไป ก่อนที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด นอกจากนี้ลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าแบรนด์ต่างประเทศส่วนใหญ่ คือ สตรีวัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ซึ่งจะชื่นชอบเครื่องสอางที่มาจากยุโรป สหรัฐฯและญี่ปุ่น เป็นต้น

สำหรับแนวโน้มตลาดนปีนี้ แบรนด์สินค้าต่างๆ ยังคงขยายตลาดไปยังเมืองรองที่ 2 และ 3 อย่างต่อเนื่อง และเน้นการสร้างแบรนด์จากประสบการณ์ของลูกค้า ดังจะเห็นได้ในโซเชียลมีเดียซึ่งปัจจุบันกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สคัญสหรับบริษัทเครื่องสอางไปแล้ว โดยมี 3 เทรนด์ใหม่ในตลาดความงามได้แก่ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์หรับผู้ชาย มียอดขายสูงขึ้นมาก เนื่องจากผู้ชายหันมาดูแลตัวเอง และรู้จักประโยชน์มากขึ้น , เครื่องสอางธรรมชาติ(Green cosmetic) มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ โดยเฉพาะสมุนไพรจีน ยังคงได้รับความนิยมจากชาวจีน หากแบรนด์ต่างๆ เน้นสิ่งนี้เป็นจุดขายเชื่อได้ว่าจะตอบสนองความชื่นชอบของผู้บริโภคจีนได้ตรงจุด

นอกจากนี้สินค้าที่มีส่วนผสมของสารสกัดตัวใหม่ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพราะผู้บริโภคจีนคาดหวังให้แบรนด์คิดค้นสารชนิดใหม่ที่จะช่วยชะลอวัย หรือ ช่วยบรุงผิว โดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ ยกตัวอย่างเช่น Lacto-nutrient complex, Collagen, Vitamin E หรือสารบรุงจพวก gold, minerals, caviar, etc. การสร้างเรื่องราวเชื่อมโยงระหว่างส่วนประกอบต่างๆและประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับให้ง่ายต่อการเข้าใจจะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคเป็นอย่างดี

นางนันทวัลย์ กล่าวถึงโอกาสของอุตสาหกรรมเครื่องสอางไทยว่า  ไทยมีความได้เปรียบในแหล่งวัตถุดิบ โดยไม่ต้องพึ่งพาการนเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งไทยสามารถเป็นทั้งฐานการผลิตและรับจ้างผลิตควบคู่กันไป โดยมีจุดเด่นที่ส่วนผสมของสมุนไพรไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งทางด้านรูปลักษณ์ สรรพคุณและกลิ่น จึงเป็นโอกาสที่จะเพิ่มมูลค่าของสินค้าเครื่องสอาง หรือ เวชสอาง เพื่อศักยภาพในการส่งออกได้ดียิ่งขึ้น ผ่านช่องทางการประชาสัมพันธ์ต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ตหรือวีแชท ซึ่งมีต้นทุนไม่สูง หากแต่ผู้ประกอบการไทยควรมีการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ทราบถึงความต้องการของตลาด พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัย ได้มาตรฐานสากล เร่งการสร้างภาพลักษณ์ และตราสินค้าเป็ฯการสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคให้เป็นที่ยอมรับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อก้าวไปสู่ตลาดระดับสากลได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

กระทรวงอุตฯ เร่งปูพรมพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้ SMEs /OTOP ทั่วประเทศ ตลอดมีนาคมนี้

กรุงเทพฯ  1  มีนาคม  2559 -  กระทรวงอุตสาหกรรมขานรับนโยบายรัฐบาลเร่งเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือ  SMEs  และ  OTOP  ช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการกว่า 800 ราย ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตลอดเดือนมีนาคมนี้ ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ตาก ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินให้กับผู้ประกอบการได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการส่งเสริม  SMEs  และ  OTOP  ของประเทศ เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ในฐานะภาครัฐที่ดูแลและส่งเสริมผู้ประกอบการ  SMEs  และ  OTOP  โดยตรง จึงมีโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการในหลายด้าน ทั้งให้ความรู้การทำธุรกิจรอบด้าน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเปิดตลาดในพื้นที่ต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือมาตรการด้านการเงิน และการให้ความรู้ในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการทำก...

ด่วน!!! สถาบันอาหาร รับสมัครเอสเอ็มอีดูงานที่ญี่ปุ่น-จับคู่ธุรกิจในงานFoodex Japan 2016

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวน เอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน ที่ประกอบ ธุรกิจแ ละอุตสาหกรรมอาหารทุกประเภท เข้าร่วม กิจกรรมเชื่อมโยงอุตสาหกรรม ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น   ระหว่างวันที่  6-12  มีนาคม  2559  เพื่อ สำรวจตลาด   และพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าอาหารของชาวญี่ปุ่น   ศึกษาวัฒนธรรมการบริโภค   แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับธุรกิจเอสเอ็มอีที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น   พร้อมศึกษานวัตกรรมอาหาร  แนวโน้มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  ในงาน  Foodex Japan 2016   ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านอาหาร และเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย  มีผู้แสดงสินค้า  3,000  ราย  จาก  79   ประเทศ   และมีผู้เข้าชมงานราว  77,000  คน   จัดขึ้นเพื่อเจรจาธุรกิจเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายปลีก   โดยผู้ประกอบการ ของไทย สามารถนำสินค้ามาร่วมจัดแสดง พร้อมพบปะและเจรจาธุรกิจ  Business Matching  กับผู้นำเข้าสินค้าอาหารจากทั่วโลก พร้อมสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่สนใ จ นำเข้าผลิตภัณฑ์อาห า รของไทย ...