ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กสอ. ดันยุทธศาสตร์ R&D พัฒนา SMEs พร้อมโชว์ตัวอย่าง SMEsพันธุ์ใหม่ คิดค้น “ข้าวเหนียวมูลฮาลาลพร้อมทาน” เตรียมเจาะตลาดมุสลิม • กสอ. สนองยุทธศาสตร์ฮาลาลรัฐบาล ดันเอสเอ็มอีไทยผ่านมาตรฐานฮาลาล บุกตลาดโลกมุสลิม 1,800 ล้านคน


 

รุงเทพฯ 2มิถุนายน  2559 – กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ดันยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนา (R&D) มุ่งเน้นส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป ซึ่งมีมูลค่าส่งออก 1 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และชิงความได้เปรียบโดยเน้นสร้างผู้ประกอบการให้นำเอาเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ การเชื่อมโยงงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคต  การสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปฯลฯ พร้อมโชว์ตัวอย่างเอสเอ็มอีพันธุ์ใหม่คิดค้น  ข้าวเหนียวมูลฮาลาลพร้อมทาน” เตรียมเจาะตลาดมุสลิมและคนรักสุขภาพ โดยเน้นนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในการถนอมอาหารแบบไม่ใช้สารกันเสีย และใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ทั้งนี้ ไทยส่งออกอาหารฮาลาล 200,000 ล้านบาท คาดว่าใน 3 ปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ20

 


นายประสงค์ นิลบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า การวิจัยและพัฒนา (Research&Development) เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ซึ่งประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากการเน้นภาคเกษตรกรรม ไปสู่อุตสาหกรรมเบา พัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมหนัก และกำลังก้าวสู่ยุคแห่งการสร้างสรรค์ทางนวัตกรรม โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีเพื่อสร้างเอสเอ็มอีและโอทอปที่ทำให้อุตสาหกรรมไทยเพิ่มระดับความสามารถ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูปซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของไทย โดยในปี 2558 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารรวมกว่า 1 ล้านล้านบาท (ที่มา:ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) ซึ่งมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารไทยประกอบไปด้วยอุตสาหกรรมอาหารสำคัญ ประกอบด้วย ข้าว น้ำตาลทราย ปลาทูน่ากระป๋อง และมันสำปะหลัง แต่ปัจจุบันความสามารถในการแปรรูปวัตถุดิบให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงนั้นยังคงถูกจำกัดอยู่ในวงแคบ เช่นขาดการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น ดังนั้นกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงพยายามในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมในอุตสาหกรรมภาคการผลิตโดยใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือสนับสนุนอย่างชัดเจน

นายประสงค์ กล่าวต่อว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงได้กำหนดแนวทางในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการผลิตในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและโอทอป โดยเน้นการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มบนฐานองค์ความรู้ จากการวิจัยและพัฒนา ความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญา ตลอดจนการส่งเสริมการนำเอาเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานขั้นสูงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ การเชื่อมโยงงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคต การสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป การพัฒนาสถานที่ผลิตให้ได้มาตรฐานสากล การส่งเสริมนวัตกรรมอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์และเทคโนโลยี การพัฒนาศัพยภาพเอสเอ็มอีด้วยระบบดิจิทัล การพัฒนาศักยภาพสถานประกอบการอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป และโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญา เป็นต้น 

 

นายประสงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูปในยุคปัจจุบัน ผู้ประกอบการไม่สามารถผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองตลาดภายในประเทศได้อย่างเดียว แต่ต้องพิจารณามองหาตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มตลาดอาหารฮาลาลซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูง มีมูลค่าตลาดทั่วโลกประมาณ 1.2ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรัฐบาลตั้งเป้าให้อุตสาหกรรมอาหารฮาลาลไทยส่งออกติดอันดับ TOP 5 ของโลก ภายในปี 2563 ผ่านยุทธศาสตร์สำคัญ คือ การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล   การเสริมสร้างศักยภาพการผลิตสินค้าและบริการฮาลาล การพัฒนาศักยภาพการวิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์ฮาลาลฯ โดยรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีบทบาทในการมุ่งเน้นกระชับความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งสิ่งที่ต้องเร่งจัดการให้เร็วที่สุดคือ ความร่วมมือในการปรับปรุงกระบวนการขอรับการตรวจรับรองฮาลาลให้มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอีหันมาให้ความสนใจขอรับเครื่องหมายฮาลาลให้มากขึ้นและยึดมั่นในระเบียบข้อบังคับตามบทบัญญัติของหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาอาหารฮาลาลในรูปแบบต่างๆ อาทิ การพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด การพัฒนามาตรฐานการผลิต การส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่าย ฯลฯ  ตั้งเป้าภายในปีนี้พัฒนาผู้ประกอบการกลุ่มอาหารฮาลาล ไม่ต่ำกว่า 185 ราย ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีบริษัทที่ได้รับรองมาตรฐานอาหารฮาลาล 5,000 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ที่ขอรับการรับรองฮาลาลสูงกว่า 100,000 รายการ (ข้อมูลของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย) มีมูลค่าการส่งออกอาหารฮาลาล 200,000 ล้านบาท คาดว่าใน 3 ปีนี้จะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20

ด้านนายกัมพล สิริประภาพรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท สิริไฟน์ฟู้ดส์เฮลตี้ จำกัดกล่าวว่า บริษัทได้เข้าร่วมโครงการ การพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป โครงการพัฒนาสถานประกอบการเป้าหมายเพื่อเข้าสู่ AEC โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป โครงการสร้างเครือข่ายระดับประเทศในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ พร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่นด้วยคุณภาพของวัตถุดิบ ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีและมีคุณภาพ ด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ซึ่งแต่เดิมผลิตภัณฑ์จะมีเพียง ข้าวสวยพร้อมทานในรูปแบบของข้าวขาวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิ และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งหลังจากได้เข้าโครงการของ กสอ. แล้วจึงเห็นว่าควรพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและนอกประเทศมากยิ่งขึ้น จึงได้มุ่งเน้นพัฒนาต่อยอดมาเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวผัดพริกไทยดำ ข้าวผัดแกงเขียวหวาน และข้าวผัดต้มยำ แบบสามารถบริโภคได้ทันที ภายใต้ชื่อ อรุณสวัสดิ์ โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้บริโภคอาหารฮาลาลอินทรีย์ (Organic Halal Food) และผู้ทานมังสวิรัติ เป็นต้น ซึ่งนอกจากนี้ทางบริษัท ยังได้พัฒนาข้าวเหนียวมูลพร้อมทาน (Ready to eat) โดยนำเอานวัตกรรมการถนอมอาหารแบบไม่ใช้สารกันเสียมาใช้ และลดปริมาณน้ำตาลลงกว่าข้าวเหนียวมูลปกติถึงครึ่งนึง แต่ได้ความหวานในระดับปกติตามแบบข้าวเหนียวมูลทั่วไปที่วางขาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทจะไม่ใช้วัตถุกันเสีย แต่จะใช้เทคนิคพิเศษในขั้นตอนการผลิตเพื่อเป็นการรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารไว้ โดยไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาในตู้เย็น 

 


นายกัมพล กล่าวต่อว่า บริษัทให้ความสำคัญต่อคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัททุกชิ้นได้รับมาตรฐาน GMP HACCP โดยเฉพาะมาตรฐานฮาลาล เพื่อการเจาะตลาดมุสลิม ซึ่งถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ แค่เฉพาะในอาเซียนมีชาวมุสลิมมากว่า 300 ล้านคน ดังนั้นการได้มาตรฐานฮาลาลจึงเปรียบเสมือนเป็นประตูด่านแรกที่สามารถเปิดสู่ประเทศมุสลิม ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งด้านการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป แต่ปัญหาคือประเทศไทยไม่ใช่ประเทศมุสลิม ดังนั้นการที่จะทำให้ประเทศมุสลิมเชื่อมั่นในสินค้าของเรา จึงถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย สำหรับแนวทางการตลาดในอนาคต บริษัทได้วางแผนไว้ว่าภายในระยะเวลา 3 ปี จะทำให้ข้าวผัดสำเร็จรูปพร้อมทานเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ และบุกตลาดอาหารฮาลาลอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นตลาดอาหารฮาลาลที่มีกำลังซื้อสูง แม้มาเลเซียมีประชากรราว 30 ล้านคน แต่ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้สูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับโครงสร้างประชากรส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยทำงาน มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบขึ้นทำให้ชาวมาเลย์ส่วนใหญ่ไม่นิยมทำอาหารรับประทานเองและต้องการสินค้าอาหารที่สะดวกสบายในการรับประทาน จึงนับเป็นโอกาสของสินค้าอาหารฮาลาลของไทย ที่จะเข้าไปขยายตลาดในมาเลเซียซึ่งยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมาก นายกัมพล กล่าวทิ้งท้าย

 

สำหรับผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลได้ที่กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 2 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 23678194 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr

###

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

สถาบันอาหาร จัดสัมมนา “ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต”

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร  เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง  "นวัตกรรม หรือธรรมชาติ ”  ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต   ในวันพฤหัสบดีที่  14  กันยายน  2560  เวลา  0 8.30   -   16.00   น. ณ ห้องจูเนียร์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์   สุขุมวิท โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนผู้ประกอบการอาหารเพื่ออุตสาหกรรมอาหารอนาคต (Future Food)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้กับผู้ประกอบการท ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร  เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ในการพัฒนา สร้างโอกาสทางการค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต   โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น   สามารถ ดูรายละเอียดและ ลงทะเบียนตอบรับการเข้าร่วมได้ ที่ http://fic.nfi.or.th  หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณกนกวรรณ  ฝ่ายวิจัยและข้อมูล  โทร .   0-2422 86...

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...