ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กสอ.รุกดึงเอกชนญี่ปุ่นลงทุนไทย พร้อมเผย 4กลุ่มอุตสาหกรรมโดนใจยุ่น คาดจับคู่ธุรกิจไม่ต่ำกว่า 50 ราย


กรุงเทพฯ 22 มิถุนายน 2559–กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม ดึงภาคเอกชนประเทศญี่ปุ่น14 รายร่วมกิจกรรมสัมมนาและเจรจาธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น โดยผลจากการจัดกิจกรรมพบ  กลุ่มอุตสาหกรรมที่ญี่ปุ่นสนใจร่วมทุนในไทยได้แก่อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งคาดว่าจะเกิดการจับคู่ธุรกิจได้ไม่ต่ำกว่า 50 ราย ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน กสอ.ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมความร่วมมือ ไทย-ญี่ปุ่นโดยสามารถดึงนักลงทุนญี่ปุ่นลงทุนในไทยแล้วกว่า 700 กิจการ จากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่นอาทิ จังหวัดไซตามะ จังหวัดยามานาชิ จังหวัดอาคิตะ จังหวัดโทโทริและจังหวัดเกียวโต เป็นต้น

ทั้งนี้กสอ. ได้จัดกิจกรรมสัมมนาและเจรจาธุรกิจเพื่อที่จะยกระดับอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนาสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารยุทธศาสตร์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 โทรศัพท์. 0-2202-4501หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr



นายประสงค์ นิลบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่ากรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)ได้จัดกิจกรรมสัมมนาและเจรจาธุรกิจ(Business Matching)ระหว่างผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นโดยมีบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่สนใจลงทุนในประเทศไทย จำนวน 14 บริษัท ได้แก่ บริษัทShowa electric MFGจำกัด (ออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์และซอฟต์แวร์อิเล็คทรอนิกส์) บริษัท Matsui Corporationจำกัด (บริษัทจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องจักรและเครื่องยนต์) และ บริษัทTanaka Foodจำกัด (ผู้แปรรูปและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากธัญพืช โดยใช้ข้าวหอมมะลิจากไทย)เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเสวนาให้ความรู้ผู้ประกอบการในหัวข้อเทคนิคการค้าและการลงทุนกับประเทศญี่ปุ่น และข้อควรระวังในการลงทุนร่วมกับต่างประเทศซึ่งการร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นในครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทย ได้รับองค์ความรู้ในการบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และยังส่งผลให้ผู้ประกอบการของญี่ปุ่นขยายฐานการผลิตในประเทศไทยและเกิดการจ้างงานในประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันเป็นการสร้างโอกาสให้นักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของไทยได้ขยายการลงทุตลอดจนก่อให้เกิดการรวมกลุ่มเครือยข่ายอุตสาหกรรม(Cluster) ที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทย

นายประสงค์ กล่าวต่อว่า จากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ พบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่ประเทศญี่ปุ่นมีความสนใจในการลงทุนในประเทศไทยได้แก่ อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เนื่องจากไทยมีความพร้อมด้านวัตถุดิบ การคมนาคมที่สะดวกทันสมัย และแรงงานที่มีศักยภาพ ทั้งนี้จากการจัดกิจกรรมดังกล่าวคาดว่าจะเกิดการจับคู่ธุรกิจได้ไม่ต่ำกว่า 50 ราย ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กสอ. ได้ดำเนินโครงการ“โต๊ะญี่ปุ่น”(Japan Desk)  ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมและพัฒนา SMEsให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเป็นความร่วมมือ ระหว่างรัฐกับรัฐ  ซึ่งได้มีความร่วมมือกับจังหวัดต่าง ๆ ของญี่ปุ่น อาทิ จังหวัดไซตามะ จังหวัดยามานาชิ จังหวัดอาคิตะ จังหวัดโทโทริและจังหวัดเกียวโต เป็นต้น   โดยที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนในไทยกว่า 700 กิจการ จาก 19 หน่วยงาน อาทิ  อุตสาหกรรมด้านสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมสิ่งทออุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะยังคงเน้นในการขยายความร่วมมือไปยังจังหวัดและเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นตามแต่ละพื้นที่ที่มีจุดเด่นสอดคล้องอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทยทั้งในด้านการค้าและอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของไทยรองจากประเทศจีน และมีการลงทุนสูงถึงร้อยละ 40 ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมดโดยพบว่าการลงทุนของผู้ประกอบการญี่ปุ่นในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 1.6 แสนล้านบาท (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ซึ่งการร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและญี่ปุ่น จะช่วยให้ไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นในหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและช่วยสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งขึ้นและหากสามารถขยายเครือข่ายอุตสาหกรรมไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ ก็จะทำให้เรายิ่งมีห่วงโซ่การผลิตที่เข้มแข็งในอนาคต นายประสงค์กล่าวสรุป

ทั้งนี้ กสอ. ได้จัดงานการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและประเทศญี่ปุ่น ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เมื่อเร็วๆนี้โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกว่า 100 ราย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารยุทธศาสตร์กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 โทรศัพท์. 0-2202-4501หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

สถาบันอาหาร จัดสัมมนา “ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต”

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร  เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง  "นวัตกรรม หรือธรรมชาติ ”  ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต   ในวันพฤหัสบดีที่  14  กันยายน  2560  เวลา  0 8.30   -   16.00   น. ณ ห้องจูเนียร์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์   สุขุมวิท โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนผู้ประกอบการอาหารเพื่ออุตสาหกรรมอาหารอนาคต (Future Food)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้กับผู้ประกอบการท ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร  เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ในการพัฒนา สร้างโอกาสทางการค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต   โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น   สามารถ ดูรายละเอียดและ ลงทะเบียนตอบรับการเข้าร่วมได้ ที่ http://fic.nfi.or.th  หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณกนกวรรณ  ฝ่ายวิจัยและข้อมูล  โทร .   0-2422 86...

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...