ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กรมโรงงานฯ จับมือ สวทช. ลุยอัพดีกรีเทคโนโลยีให้โรงงานทั่วประเทศ ตั้งเป้าสร้างมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมไทยกว่า 300 ล้านบาท


กรุงเทพฯ 23 มิถุนายน 2559   กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมมือพัฒนา โครงการบูรณาการตรวจโรงงานเชิงสร้างสรรค์และส่งเสริมการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม” ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ Thailand Spring Up ยกระดับเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มมูลค่าของกากอุตสาหกรรม ให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานฯ จะส่งผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจโรงงานอุตสากรรมจำนวน 7,200 โรงงานทั่วประเทศ พร้อมด้วยนักวิชาการจาก สวทช. ให้คำแนะนำและรวบรวมข้อมูลปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการผลิตของผู้ประกอบการแต่ละรายมาทำการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการต่อยอดและถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลงานวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรมในภาพรวม ปัจจุบันได้ตรวจโรงงานไปแล้ว 4,400 โรงงาน และอีก 2,800 โรงงานที่จะต้องดำเนินการตรวจโรงงานให้ครบตามแผนในปีนี้ มีผู้ประกอบการสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 116 ราย ซึ่งโครงการดังกล่าวมีแผนการดำเนินงานทั้งหมด 2 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2560 ด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 40 ล้านบาท สามารถสร้างผลตอบแทนมูลค่าเพิ่มกว่า 300 ล้านบาท หรือ 7.5 เท่าจากเงินลงทุนให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทย

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักโรงงานอุตสาหกรรมรายสาขา 4 โทร. 0 2202 3967 หรือสอบถามข้อมูลโครงการอื่นๆ ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โทร. 0 2202 4014 หรือเข้าไปที่ www.diw.go.th หรืออีเมล pr@diw.mail.go.th



ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และรองโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการบูรณาการตรวจโรงงานเชิงสร้างสรรค์และส่งเสริมการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เป็นโครงการที่เกิดจากข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง ก้าวกระโดดประเทศไทย (Thailand Spring Up) ยกระดับเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มมูลค่าของกากอุตสาหกรรมให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม” ระหว่างกรมโรงงานฯ และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่มีเจตนารมณ์ร่วมกันในการพัฒนาให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการส่งผู้เชี่ยวชาญของกรมโรงงานฯ พร้อมด้วยนักวิชาการจาก สวทช. เข้าไปวินิจฉัยปัญหาและความต้องการของผู้ประกอบการโรงงาน โดยเฉพาะโรงงานกลุ่ม SMEs ทั่วประเทศ พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน การประหยัดพลังงาน และประกอบกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งโครงการดังกล่าวมีแผนการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2559-2560 มีงบประมาณการลงทุนกว่า 40 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ภาคอุตสาหกรรมไทย 7.5 เท่าจากการลงทุน คิดเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โดยตั้งเป้าใน 2 ปี จะส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการโรงงานเข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 100 ราย พร้อมสนับสนุนงบประมาณการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานรายละไม่เกิน 400,000 บาท ผ่านปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย(Innovation and Technology Assistance Program: ITAP) ของ สวทช.

ดร.พสุ กล่าวต่อว่า ในการดำเนินงานดังกล่าว กรมโรงงานฯ มีแผนปฏิบัติการตรวจโรงงานจำนวน 7,200 โรงงานทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ตรวจโรงงานไปแล้ว 4,400 โรงงาน และอีก 2,800 โรงงานที่จะต้องดำเนินการตรวจโรงงานให้ครบตามแผนในปีนี้ โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานคือ กรมโรงงานฯ ลงพื้นที่ตรวจโรงงานพร้อมเชิญชวนเข้าร่วมโครงการ จากนั้นจะคัดเลือกและส่งรายชื่อโรงงานที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกให้ สวทช. พิจารณาเพื่อเตรียมส่งนักวิชาการเข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำเบื้องต้นด้วยองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงาน อาทิ การบริหารการผลิต  กระบวนการผลิต วิเคราะห์ทดสอบ ฯลฯ รวมถึงกิจกรรมการอบรมสัมมนา และการจัดหาทรัพยากรสนับสนุนที่จำเป็น ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการโรงงานสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 116 รายในกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมการแปรรูปโลหะ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์  แปรรูปอาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน และ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โดยพบว่าโรงงานกลุ่มดังกล่าวมีความต้องการปรับปรุงด้านพลังงาน การเพิ่มประสิทธิภาพ และด้านสิ่งแวดล้อม ตามลำดับ โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปโลหะที่ส่วนใหญ่มีความต้องการปรับปรุงและพัฒนาในด้านพลังงานและประสิทธิภาพมากที่สุด และที่ผ่านมานั้น สวทช. ได้นำงานวิจัยและนวัตกรรมช่วยส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs เพื่อช่วยโรงงานลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น อาทิ การพัฒนาระบบการผลิตแม่พิมพ์ขึ้นรูปโลหะ การพัฒนาโปรแกรมใช้งานอุปกรณ์สื่อสารไร้สายแบบสองทาง การวิจัยและพัฒนาเครื่องปั้นขนมไทย การพัฒนาการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกลและยานยนต์ด้วยระบบควบคุมคอมพิวเตอร์การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการโรงงาน SMEs เข้าร่วมโครงการนี้แล้ว จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีผลผลิตมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการนำวิจัยและเทคโนโลยีไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยสู่ระดับสากลต่อไป

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักโรงงานอุตสาหกรรมรายสาขา 4 โทร. 0 2202 3967 หรือสอบถามข้อมูลโครงการอื่นๆของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โทร. 0 2202 4014 หรือเข้าไปที่ www.diw.go.th หรืออีเมล pr@diw.mail.go.th

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระทรวงอุตฯ เร่งปูพรมพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้ SMEs /OTOP ทั่วประเทศ ตลอดมีนาคมนี้

กรุงเทพฯ  1  มีนาคม  2559 -  กระทรวงอุตสาหกรรมขานรับนโยบายรัฐบาลเร่งเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือ  SMEs  และ  OTOP  ช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการกว่า 800 ราย ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตลอดเดือนมีนาคมนี้ ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ตาก ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินให้กับผู้ประกอบการได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการส่งเสริม  SMEs  และ  OTOP  ของประเทศ เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ในฐานะภาครัฐที่ดูแลและส่งเสริมผู้ประกอบการ  SMEs  และ  OTOP  โดยตรง จึงมีโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการในหลายด้าน ทั้งให้ความรู้การทำธุรกิจรอบด้าน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเปิดตลาดในพื้นที่ต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือมาตรการด้านการเงิน และการให้ความรู้ในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการทำก...

ด่วน!!! สถาบันอาหาร รับสมัครเอสเอ็มอีดูงานที่ญี่ปุ่น-จับคู่ธุรกิจในงานFoodex Japan 2016

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวน เอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน ที่ประกอบ ธุรกิจแ ละอุตสาหกรรมอาหารทุกประเภท เข้าร่วม กิจกรรมเชื่อมโยงอุตสาหกรรม ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น   ระหว่างวันที่  6-12  มีนาคม  2559  เพื่อ สำรวจตลาด   และพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าอาหารของชาวญี่ปุ่น   ศึกษาวัฒนธรรมการบริโภค   แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับธุรกิจเอสเอ็มอีที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น   พร้อมศึกษานวัตกรรมอาหาร  แนวโน้มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  ในงาน  Foodex Japan 2016   ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านอาหาร และเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย  มีผู้แสดงสินค้า  3,000  ราย  จาก  79   ประเทศ   และมีผู้เข้าชมงานราว  77,000  คน   จัดขึ้นเพื่อเจรจาธุรกิจเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายปลีก   โดยผู้ประกอบการ ของไทย สามารถนำสินค้ามาร่วมจัดแสดง พร้อมพบปะและเจรจาธุรกิจ  Business Matching  กับผู้นำเข้าสินค้าอาหารจากทั่วโลก พร้อมสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่สนใ จ นำเข้าผลิตภัณฑ์อาห า รของไทย ...

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศผนึกกำลังสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดใหญ่ Bangkok RHVAC และ Bangkok E&E 2017 ชูศักยภาพไทยในฐานะผู้ผลิตชั้นนำของโลก

นางมาลี โชคลํ้าเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงการจัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (Bangkok RHVAC) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Bangkok E&E) ปี 2560 ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมเครื่องทำความเย็นไทย เมื่อเร็วๆ นี้ว่า คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ได้หารือและมีความเห็นร่วมกันว่าจะใช้การจัดงานแสดงสินค้าในครั้งนี้เป็นเวทีแสดงศักยภาพของทั้งสองอุตสาหกรรมของไทย ทั้งในด้านคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐานระดับสากล และในด้านนวัตกรรมสินค้าที่สอดรับกับบริบทโลกในปัจจุบัน      “ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของโลกในกลุ่มสินค้าดังกล่าว โดยปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกในการผลิตและส่งออก ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ซึ่งใช้ในระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ในการจัดเก็บข้อมูล โดยเฉพาะจากโซเชียลเน็ตเวิร์กซึ่งมีขนาดของข้อมูลจากผู้ใช้ทั่วโลกขยายใหญ่ขึ้นมากทุกปี นอกจาก...