ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กสอ. เผยรายชื่อ 8 ย่านแฟชั่นไทย สุดชิค พร้อมตั้งเป้าพัฒนาไทยสู่ประเทศแห่งแฟชั่นครบวงจรที่สุดในเอเชีย


กรุงเทพฯ – 6 มิถุนายน 2559  กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เผยย่านแฟชั่น ที่มีศักยภาพของประเทศไทยจำนวน 8 ย่าน ได้แก่ ผ้าไหมปักธงชัย มีนบุรี ศูนย์การค้าเทอมินัล 21 ตลาดนัดสวนจตุจักร การค้าสำเพ็ง สยามสแควร์ คริสตัล วิรันด้า และการค้าจังหวัดสกลนคร ซึ่งผ่านการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย Thailand Fashion Cluster 2016 ในสาขาอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้แก่ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนังและรองเท้า อัญมณีและเครื่องประดับ รวมไปถึงวัตถุดิบและ accessory แฟชั่น เพื่อให้มีความเข้มแข็งทั้งด้านการผลิตและการจำหน่าย รวมถึงพัฒนาแบรนด์และอัตลักษณ์ให้โดดเด่น พร้อมวางเป้าหมายสูงสุดในการทำให้อุตสาหกรรมแฟชั่นของประเทศไทยมีความสมบูรณ์ที่สุดในเอเชีย อย่างไรก็ดี ในปี 2558 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยมีมูลค่ารวมกว่า 620,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินค้า           ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ให้ขยายตัวมากกว่า 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2560 

 

ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย Thailand Fashion Cluster 2016 ขึ้น  ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ภายใต้แนวคิด การสร้างความเข้มแข็งกลุ่มเครือข่ายธุรกิจแฟชั่น ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีย่านแฟชั่นที่มีความสมบูรณ์แบบ จำนวน 8 ย่าน ได้แก่ ย่านการค้าผ้าไหม ปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ย่านการค้ามีนบุรี ย่านศูนย์การค้าเทอมินัล 21 ย่านตลาดนัด สวนจตุจักร ย่านการค้าสำเพ็ง ย่านสยามสแควร์ ย่านคริสตัล วิรันด้า ย่านการค้าจังหวัดสกลนคร โดยในแต่ละย่านนั้นมีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน และมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ อาทิ ย่านคริสตัล วิรันด้า (ศูนย์การค้า              เดอะคริสตัล ช้อปปิ้งมอลล์ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม) นั้นเป็นย่านที่มีความโดดเด่นด้วยแบรนด์แฟชั่นจากกลุ่มดีไซน์เนอร์ไทยที่สร้างผลงาน ซึ่งแสดงออกถึงความเป็นลักซ์ชัวรี่แบรนด์ และย่านการค้าจังหวัดสกลนคร ที่เป็นย่านแฟชั่นผ้าคราม ซึ่งเป็นผ้าแห่งภูมิปัญญาไทยที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่ชัดเจนทั้งสีสันและรูปแบบ เป็นต้น  

 

ดร.อรรชกา กล่าวต่อว่า ในปี 2558 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยมีมูลค่ารวมกว่า 620,000 ล้านบาท และกระทรวงอุตสาหกรรมได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินค้าในอุตสาหกรรมแฟชั่น ให้ขยายตัวมากกว่า 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2560 โดยที่ผ่านมาได้มีนโยบายในการสนับสนุน ผ่านการดำเนินงานพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่น 4 สาขาเป้าหมาย ประกอบด้วย (1) อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (2) อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า (3) อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ (4) ธุรกิจสินค้าเกี่ยวกับวัตถุดิบ และ accessory แฟชั่น เพื่อให้เกิดการสร้างความร่วมมือและเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายของย่านแฟชั่นที่มีอัตลักษณ์หรือเอกลักษณ์เฉพาะ และรวบรวมข้อมูลด้านสินค้าและบริการ เพื่อเผยแพร่ผลักดันเครือข่ายธุรกิจย่านแฟชั่นให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของตลาดอุตสาหกรรมแฟชั่น 

ด้าน นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การดำเนินงานของเครือข่ายย่านแฟชั่น มุ่งเน้นการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมแฟชั่นให้เกิดเป็นเครือข่ายที่จะเกื้อหนุน ซึ่งกันและกันในด้านต่างๆ โดยดึงเอาความโดดเด่นของแต่ละเครือข่ายที่มีความแตกต่างกันเชิงพื้นที่หรือย่านการค้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ รวมถึงการแสวงหาโอกาสร่วมกันโดยการพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายในอุตสาหกรรมแฟชั่นในลักษณะผสมผสานสามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ของสมาชิกในเครือข่ายและต่างเครือข่ายให้เกิดการผลิตในรูปแบบนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ โดยภายใต้โครงการฯ ดังกล่าวนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดแนวทางการดำเนินงาน ด้วยการพัฒนาแบรนด์และอัตลักษณ์ของแบรนด์ และบูรณาการสร้างการรับรู้ในอัตลักษณ์แบรนด์ที่สังเคราะห์จากอัตลักษณ์ที่โดดเด่น ของแต่ละเครือข่าย ตลอดจนสร้างความหลากหลาย (Variety) ทักษะทางด้านการออกแบบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดเป็นอุตสาหกรรมแฟชั่น สร้างสรรค์เป็นมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์แฟชั่นของตราสินค้าที่ประสบความสำเร็จและสร้างให้เครือข่ายของย่านการค้าเป็นที่รู้จักและยอมรับในวงการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแฟชั่น รวมทั้งการรวบรวมข้อมูลผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านของอุตสาหกรรมแฟชั่น เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นให้มีการสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

 

ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กสอ. ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิต (Productivity) ของ SMEs ด้วยกระบวนการและเครื่องมือต่าง ๆ เช่น การสร้างระบบบริหารจัดการสากล การยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจ การพัฒนาประสิทธิภาพ การผลิต การจัดการด้านพลังงาน การยกระดับระบบการผลิตสู่การผลิตบนฐานนวัตกรรม การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมในลักษณะเครือข่ายวิสาหกิจ (Cluster) ซึ่งล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ รวมถึงสร้างความเชื่อมโยงการผลิตภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงกับ SMEs เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันจะนำไปสู่โอกาสการบูรณาการให้ภาคอุตสาหกรรมไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

 

โดยได้มอบหมายให้ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) สถาบันเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีความชำนาญและประสบการณ์โดยตรงในการพัฒนาผู้ประกอบการรายเดิมและสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ในหลากหลายสาขา ทั้งในภาคการผลิต การค้า และการบริการ รวมทั้งผู้ประกอบการ ด้านการออกแบบ เป็นที่ปรึกษากิจกรรมสร้างเครือข่ายย่านแฟชั่น เพื่อสนับสนุนภารกิจในการส่งเสริม SMEs ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่น เชื่อมโยงสมาชิกทั้งในและนอกเครือข่ายย่านการค้าแฟชั่น บูรณาการด้านการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่การเป็นอุตสาหกรรมแฟชั่นสร้างสรรค์ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและยั่งยืน สร้างรายได้ให้กับแรงงานภายในประเทศและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าแฟชั่นไทย ดร.สมชาย กล่าวทิ้งท้าย 

 

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพัฒนาการจัดการอุตสาหกรรม ชั้น 5 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวี กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2202 4575 , 4581 และสามารถ ติดตามข้อมูลข่าวสาร / กิจกรรม / โครงการต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ที่  www.dip.go.th หรือ  www.facebook.com/dip.pr


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...

“STYLE” งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ที่ครบครันที่สุดในภูมิภาค เปิดเวทีเจรจาการค้าการส่งออกดึงผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 60,000 ราย พร้อมดันไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับภูมิภาค

เริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่กับ “STYLE” งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ที่ครบครันที่สุดในภูมิภาค รวม 3 เทรดแฟร์ระดับประเทศ BIFF&BIL, BIG+BIH และ TIFF ไว้ด้วยกันเป็นครั้งแรกจัดโดย DITP ...