ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าขับเคลื่อนแผนแม่บทพัฒนาอุตสาหกรรมไทย พร้อมเร่งเสริมศักยภาพ 5 อุตสาหกรรมทำเงิน เทียบชั้นผู้นำตลาดโลก

• “น้ำตาลมิตรผล” คว้ารางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี 2558 รางวัลเกียรติยศสูงสุด ของวงการอุตสาหกรรมไทย มุ่งมั่นเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมน้ำตาล 
 
​​กรุงเทพฯ 25 กันยายน 2558 – กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าขับเคลื่อนแผนแม่บทพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ตามแนวทางการดำเนินงาน 3 ระยะ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมไทยสู่ความมั่นคงและยั่งยืน พร้อมเร่งวางมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมทำเงิน ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม 2.อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 3.อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 4.อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง และ 5.อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ขึ้นแท่นเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมโลก
 
​​นายประสงค์ นิลบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบการจัดงานรางวัลอุตสาหกรรมประจำปี 2558 เปิดเผยว่า จากภาพรวมแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกในบริบทใหม่ ส่งผลให้การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในภาพรวม จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในการกำหนดทิศทางการพัฒนา เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมเพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมไทยให้มีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ในอนาคตทั้งนี้ หากเจาะลึกจะพบว่ารายได้ส่วนใหญ่ของภาคอุตสาหกรรมเกิดจากการผลิตเพื่อส่งออก โดยสินค้าที่เป็นสินค้าหลักจะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มสินค้าที่ต้องใช้เทคโนโลยีระดับกลางและระดับสูงในการผลิต รวมทั้งยังต้องพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องจักร เทคโนโลยี และเงินทุนจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า ร้อยละ 95 ของจำนวนผู้ประกอบการทั่วทั้งประเทศ ต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคต่างๆดังนั้น เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้เดินหน้าขับเคลื่อนแผนแม่บทพัฒนาอุตสาหกรรมไทยอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะดำเนินการดังนี้  
​​ในระยะที่ 1 เน้นการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมไทยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของฐานการผลิตและบริการในภูมิภาคอาเซียน โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมที่สำคัญในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลก จากนั้นในระยะที่ 2 จากเป้าหมายการพัฒนาและส่งเสริมให้ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและบริการในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นการยกระดับภาคอุตสาหกรรมของไทยระยะแรกในช่วง 5 ปีจะมีการพัฒนาต่อยอดโดยเน้นการเป็นฐานการผลิตและบริการในระดับภูมิภาค ซึ่งมีตราสินค้าที่มีเครือข่ายการจัดการกระจายสินค้าในภูมิภาคอย่างทั่วถึง โดยมีการสร้างฐานงานวิจัยและพัฒนาสินค้าในอาเซียน ซึ่งมีการสร้างและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์หลักของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับของสากล และในระยะที่ 3พัฒนาสู่การเป็นผู้บริหารจัดการตราสินค้า โดยมีการสร้างเครือข่ายการผลิตและบริการร่วมกับภูมิภาคต่างๆของโลก ซึ่งจะส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการของประเทศไทยให้เริ่มก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำของโลกผ่านการสร้างตราสินค้าของไทยให้เป็นที่รู้จัก และมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้ากระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค เพื่อกระจายไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก
​​นางประสงค์ กล่าวต่อว่า จากการดำเนินงานขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย ตามแผนแม่บทของกระทรวงอุตสาหกรรมดังกล่าวกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงได้กำหนดกลยุทธ์ผลักดันการพัฒนา 5 กลุ่มอุตสาหกรรมทำเงินให้มีศักยภาพเทียบเท่าผู้นำในตลาดโลก ได้แก่
​​
​​1.อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มมีมูลค่าส่งออกในปี 2557มากกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมทั้งในด้านของวัตถุดิบและบุคลากรค่อนข้างมาก แนวทางการพัฒนาจึงต้องมุ่งสู่การเป็นฐานการผลิตในอาเซียนและขยายช่องทางการตลาดให้เข้าถึงประเทศต่างๆเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการสร้างและประชาสัมพันธ์ตราสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ควบคู่กับการสร้างมาตรฐานการผลิตและเน้นการสร้างฐานการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารต่อไปในอนาคต เพื่อให้เกิดการยกระดับของอุตสาหกรรมอาหารไทยอย่างต่อเนื่อง
​​2.อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนมีมูลค่าส่งออกรถยนต์เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ ในช่วง8 เดือนแรกของปี 2558 มียอดส่งออกถึง 1.26 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 1.36% โดยไทยมีบทบาทในการเป็นผู้ผลิตตามเจ้าของตราสินค้าที่เป็นบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุน จึงต้องสร้างแรงงานและโครงสร้างสนับสนุนให้มีความพร้อม เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และขยายไปสู่การส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และผลักดันให้เกิดการใช้วัตถุดิบจากภายในประเทศมากกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ
​​3.อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มสร้างมูลค่าได้มากกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี โดยในปัจจุบันไทยเป็นผู้รับจ้างผลิตตามคําสั่งซื้อ ดังนั้น แนวทางการพัฒนาจึงต้องยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้นและสร้างความร่วมมือในการขยายเครือข่ายการผลิตไปยังผู้ประกอบการในภูมิภาค เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการผลิต จากนั้นต้องส่งเสริมการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการไทยสู่การออกแบบและการดําเนินการทางตลาดเพื่อสร้างตราสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
​​4.อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง มีมูลค่าส่งออกมากกว่า 3.7 แสนล้านบาท ในปี 2557 โดยปัจจุบันประเทศไทยมีการส่งออกยางเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่เป็นการส่งออกในรูปของน้ำยางซึ่งมีมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้าค่อนข้างน้อย จึงจําเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยางแปรรูป เพื่อนําไปสู่การสร้างตราสินค้าของไทย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มบทบาทและความสําคัญในอุตสาหกรรมยางในระดับโลกมากขึ้น ทําให้มีอํานาจในการต่อรองและกําหนดทิศทางราคายาง ตลอดจนการควบคุมกลไกการผลิตยางในอนาคตได้
​​5.อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าส่งออกในปี 2557 กว่า 2 ล้านล้านบาท โดยแนวทางการพัฒนาในระยะสั้นนั้นต้องเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างสนับสนุนให้มีความเหมาะสมต่อการประกอบการธุรกิจ โดยเฉพาะด้านแรงงานและกฎระเบียบและก้าวถัดมานั้นต้องมุ่งเน้นสู่การพัฒนาแหล่งวิจัยเทคโนโลยีการออกแบบสินค้าเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งขยายการตลาดไปในภูมิภาค และมุ่งสู่การสร้างภาพลักษณ์ตราสินค้าไทยให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล 
​​ทั้งนี้ จากการที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ดำเนินการคัดเลือกสถานประกอบการทั่วประเทศไทย เพื่อมอบรางวัลอุตสาหกรรมประจำปี 2558 ให้กับสถานประกอบการที่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั้น ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การผลักดันสถานประกอบการให้พัฒนาได้สอดคล้องตามแผนแม่บทข้างต้น โดยในปีนี้ “บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด สาขามิตรภูเวียง” ในเครือกลุ่มน้ำตาลมิตรผลได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมซึ่งมอบให้กับสถานประกอบการที่มีการบริหารงานโดดเด่นมากที่สุด ขณะที่ “บริษัท ซีเอ็นซี ดีเท็คซ์ จำกัด” ผู้ผลิตแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์และอุปกรณ์ทำแม่พิมพ์ ซึ่งวางเป้าหมายได้รับการยอมรับจากลูกค้าทุกค่ายรถยนต์ทั่วโลก ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประเภทการบริหารอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม โดยทั้งสองสถานประกอบการเหมาะแก่การเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสถานประกอบการรายอื่น ในการมุ่งมั่นพัฒนาระบบการดำเนินงานผ่านตามข้อกำหนดของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งในภาพรวมจะสามารถช่วยยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถผู้ประกอบการไทย มุ่งสู่การเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลกได้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
​​ด้าน นายคนอง ศักดิ์เพ็ชร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มโรงงาน กลุ่มมิตรผลกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำระดับโลกที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมน้ำตาลและชีวพลังงานที่สูงมาก ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอยู่ในอันดับต้นๆของโลก โดยกลุ่มมิตรผลเป็นผู้ผลิตน้ำตาลอันดับ 4 ของโลกและเป็นผู้ผลิตพลังงาน

ไฟฟ้าชีวมวลและเอทานอลอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากสภาพปัจจัยของประเทศไทยที่มีวัตถุดิบ พืชพลังงานที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น อ้อย มันสำปะหลัง หรือ ปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชพลังงานที่สามารถปลูกได้เองบนผืนแผ่นดินและไม่มีวันหมด ทั้งนี้ กลุ่มมิตรผลได้ตระหนักและมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่อุตสาหกรรมต่อเนื่องจากอ้อย โดยการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการจัดการ มาพัฒนาธุรกิจและการดำเนินงานตามหลักมาตรฐานสากล ภายใต้นวัตกรรมการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการยกระดับขีดความสามารถและการแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำตาลและชีวพลังงานไทยในระดับสากล
​​ขณะที่ นายนำชัย สกุลฎ์โชคนำชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็นซี ดีเท็คซ์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ซีเอ็นซี ดีเท็คซ์ จำกัด มีแนวทางในการยกระดับประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพื่อมุ่งสู่อุตสาหกรรมชั้นแนวหน้า โดยเริ่มด้วยสิ่งสำคัญอันดับแรกคือเสริมสร้างทัศนคติที่ดีในระดับผู้บริหารและพนักงาน เพราะในการบริหารจัดการที่ดีผู้บริหารและพนักงาน จะต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพร่วมกัน โดยการนำใช้แผนธุรกิจในการบริหารงานตัวเดียวกันจึงจะนำมาสู่ความสำเร็จในการบริหารจัดการ สำหรับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2558 ที่ทางบริษัทได้รับ ถือเป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคน รู้สึกว่าเริ่มเป็นนักบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพ ในการพัฒนาการบริหารจัดการและยกระดับที่ดียิ่งขึ้นต่อไปทั้งนี้ สำหรับการจะพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ธุรกิจไทยให้มีความเข้มแข็งนั้น สิ่งสำคัญจะต้องไม่แข่งขันกับธุรกิจไทยด้วยกันต้องยกระดับแข่งขันกับชาวต่างชาติ ในเรื่อง ของ คุณภาพ ราคา เรื่องการส่งมอบที่ตรงเวลา สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงดึงดูดให้ชาวต่างชาติ ต้องการสินค้าในเมืองไทยซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ สามารถแข่งขันกับชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี​
 
###








ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระทรวงอุตฯ เร่งปูพรมพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้ SMEs /OTOP ทั่วประเทศ ตลอดมีนาคมนี้

กรุงเทพฯ  1  มีนาคม  2559 -  กระทรวงอุตสาหกรรมขานรับนโยบายรัฐบาลเร่งเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือ  SMEs  และ  OTOP  ช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการกว่า 800 ราย ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตลอดเดือนมีนาคมนี้ ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ตาก ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินให้กับผู้ประกอบการได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการส่งเสริม  SMEs  และ  OTOP  ของประเทศ เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ในฐานะภาครัฐที่ดูแลและส่งเสริมผู้ประกอบการ  SMEs  และ  OTOP  โดยตรง จึงมีโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการในหลายด้าน ทั้งให้ความรู้การทำธุรกิจรอบด้าน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเปิดตลาดในพื้นที่ต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือมาตรการด้านการเงิน และการให้ความรู้ในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการทำก...

ด่วน!!! สถาบันอาหาร รับสมัครเอสเอ็มอีดูงานที่ญี่ปุ่น-จับคู่ธุรกิจในงานFoodex Japan 2016

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวน เอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน ที่ประกอบ ธุรกิจแ ละอุตสาหกรรมอาหารทุกประเภท เข้าร่วม กิจกรรมเชื่อมโยงอุตสาหกรรม ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น   ระหว่างวันที่  6-12  มีนาคม  2559  เพื่อ สำรวจตลาด   และพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าอาหารของชาวญี่ปุ่น   ศึกษาวัฒนธรรมการบริโภค   แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับธุรกิจเอสเอ็มอีที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น   พร้อมศึกษานวัตกรรมอาหาร  แนวโน้มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  ในงาน  Foodex Japan 2016   ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านอาหาร และเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย  มีผู้แสดงสินค้า  3,000  ราย  จาก  79   ประเทศ   และมีผู้เข้าชมงานราว  77,000  คน   จัดขึ้นเพื่อเจรจาธุรกิจเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายปลีก   โดยผู้ประกอบการ ของไทย สามารถนำสินค้ามาร่วมจัดแสดง พร้อมพบปะและเจรจาธุรกิจ  Business Matching  กับผู้นำเข้าสินค้าอาหารจากทั่วโลก พร้อมสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่สนใ จ นำเข้าผลิตภัณฑ์อาห า รของไทย ...

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศผนึกกำลังสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดใหญ่ Bangkok RHVAC และ Bangkok E&E 2017 ชูศักยภาพไทยในฐานะผู้ผลิตชั้นนำของโลก

นางมาลี โชคลํ้าเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงการจัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (Bangkok RHVAC) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Bangkok E&E) ปี 2560 ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมเครื่องทำความเย็นไทย เมื่อเร็วๆ นี้ว่า คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ได้หารือและมีความเห็นร่วมกันว่าจะใช้การจัดงานแสดงสินค้าในครั้งนี้เป็นเวทีแสดงศักยภาพของทั้งสองอุตสาหกรรมของไทย ทั้งในด้านคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐานระดับสากล และในด้านนวัตกรรมสินค้าที่สอดรับกับบริบทโลกในปัจจุบัน      “ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของโลกในกลุ่มสินค้าดังกล่าว โดยปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกในการผลิตและส่งออก ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ซึ่งใช้ในระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ในการจัดเก็บข้อมูล โดยเฉพาะจากโซเชียลเน็ตเวิร์กซึ่งมีขนาดของข้อมูลจากผู้ใช้ทั่วโลกขยายใหญ่ขึ้นมากทุกปี นอกจาก...