ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เอฟดีเอมะกัน ออกระเบียบห้ามใช้ “ไขมันทรานส์”ในอุตสาหกรรมอาหาร – เครื่องดื่มกรมส่งเสริมการค้าฯเตือนผู้ส่งออกไทยปรับกระบวนการผลิต ชี้กระแสใส่ใจต่อสุขภาพมาแรง

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก แจ้งว่า  สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ ( เอฟดีเอ) ระบุว่า            ไขมันทรานส์ไม่มีความปลอดภัย ในการใช้เป็นส่วนผสมการผลิตสินค้าอาหารเพื่อมนุษย์รับประทาน แต่อนุโลมให้ผู้ผลิตอาหารยื่นคำร้องขออนุญาตใช้เป็นบางกรณี เอฟดีเอให้เวลาอุตสาหกรรมอาหารสหรัฐฯ เป็นเวลา 3 ปี ในการเตรียมปรับกระบวนการผลิตเลิกใช้ไขมันทรานส์ หรือ ห้ามใช้มีผลบังคับในวันที่ 18 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป

           “การห้ามใช้ไขมันทรานส์ในสินค้าอาหารในระเบียบใหม่นี้ จะช่วยสุขภาพในด้านการลดปัญหาโรคหัวใจ หรือ ช่วยป้องกันโรคหัวใจวาย แม้ว่าผู้ผลิตอาหารในสหรัฐฯจะแย้งว่า ระดับไขมันทรานส์ในอาหารอยู่ในระดับต่ำมาอยู่แล้ว และมีความปลอดภัย นางนันทวัลย์ กล่าวและว่า ระเบียบการห้ามใช้ไขมันทรานส์มีผลบังคับต่อสินค้าอาหารทั้งผลิตในประเทศและนเข้าจากต่างประเทศ ผู้ผลิต/ส่งออกไทย จึงควรเตรียมตัวและวางแผนปรับปรุงกระบวนการใช้วัตถุดิบในการผลิต เพื่อให้ผลิตสินค้าอาหารไทยส่งไปยังสหรัฐฯ ปลอดไขมันทรานส์

ทั้งนี้เอฟดีเอออกแถลงการณ์ระบุให้ไขมันทรานส์ หรือ ไขมันผ่านกรรมวิธีสังเคราะห์ให้ทำปฏิกิริยากับไฮโดรเจนให้กลายเป็นของแข็งกึ่งเหลว เช่น เนยเทียม และมาการีน หรือมาในรูปแบบผง เช่น ผงครีมเทียม เป็นสารปรุงอาหารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ การรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์ ซึ่งพบมากในเค้ก คุกกี้ ขนมปัง และอาหารแช่แข็งอีกนานาชนิด เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของชาวอเมริกันหลายล้านคนในแต่ละปี

         สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส แจ้งว่าจากงานวิจัยของข้อมูลของ Nielsen Scantrack ในช่วงระหว่างปี 2552 -2556 โดยได้เก็บข้อมูลมาจาก 3 กลุ่มห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน45% ของอุตสาหกรรมค้าปลีกทั้งหมด โดยเก็บข้อมูลมาจากสินค้าอาหารทั้งสิ้น 202 รายการ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ประเภทธัญพืช พาสต้า ผักผลไม้ อาหารกล่อง นมและขนมขบเคี้ยว สินค้าจพวกแคลอรี่ต่(ให้พลังงานไม่เกิน 150 แคลอรี่ต่อการบริโภคหนึ่งครั้ง และเครื่องดื่มต้องอยู่ที่ 50 แคลอรี่ หรือ น้อยกว่า )ได้ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของตลาด โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 59%  ขณะที่ประเภทของหวาน เครื่องดื่มที่มีน้ตาลและพิซซ่าก็มียอดขายมากขึ้น 12%เช่นเดียวกัน 

รายงานวิจัยยังพบว่า ชาวยุโรปทานผลไม้เป็นของว่างมากที่สุด ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเองก็เช่นเดียวกัน โดยที่โยเกิร์ตมาเป็นลำดับที่ 1 ในละตินอเมริกา ในขณะที่ช็อคโกแลตเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนขนมขบเคี้ยวที่เป็นลำดับ 1 ของสหรัฐฯ คือ มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ

ยอดขายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มแคลโลลี่ต่ าขยายตัวมากขึ้นในซูเปอร์มาร์เก็ตของสหรัฐฯ

*********************************************

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

สถาบันอาหาร จัดสัมมนา “ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต”

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร  เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง  "นวัตกรรม หรือธรรมชาติ ”  ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต   ในวันพฤหัสบดีที่  14  กันยายน  2560  เวลา  0 8.30   -   16.00   น. ณ ห้องจูเนียร์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์   สุขุมวิท โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนผู้ประกอบการอาหารเพื่ออุตสาหกรรมอาหารอนาคต (Future Food)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้กับผู้ประกอบการท ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร  เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ในการพัฒนา สร้างโอกาสทางการค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต   โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น   สามารถ ดูรายละเอียดและ ลงทะเบียนตอบรับการเข้าร่วมได้ ที่ http://fic.nfi.or.th  หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณกนกวรรณ  ฝ่ายวิจัยและข้อมูล  โทร .   0-2422 86...

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...