ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

นายกรัฐมนตรีหนุนกระทรวงอุตฯ ส่งเสริมมาตรฐานอาหารไทย ให้โปรโมทตราสัญลักษณ์ “รสไทยแท้” ไปทั่วโลก

 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หนุนโครงการ“ส่งเสริมมาตรฐานอาหารไทยและความเป็นเอกลักษณ์ด้านรสชาติอาหารไทยสู่ภาคอุตสาหกรรม”(Authenticity of Thai Food Industry) มอบนโยบายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารสถาบันอาหาร ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักผู้รับผิดชอบ ให้ส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทั้งภาคการผลิตและภาคการบริการโดยการใช้เครื่องตรวจวัดรสชาติมาตรฐานอาหารไทยอิเล็กทรอนิกส์กับผลิตภัณฑ์อาหารไทยที่ส่งออกไปทั่วโลกเพื่อความเป็นมาตรฐานเดียวกัน ย้ำอาหารไทยที่ผ่านการรับรองควรได้รับตราสัญลักษณ์ “รสไทยแท้” หรือ “Thai Taste” เพื่อการันตีว่ามีความเป็นอัตลักษณ์รสชาติอาหารไทย   เน้นการบูรณาการอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและการบริการกับกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง  เพื่อผลักดันโครงการฯ สู่เป้าหมายในทุกมิติ สอดรับยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก ทั้งด้านการยกระดับ พัฒนาแรงงานฝีมือพ่อครัว แม่ครัว ด้านการประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยว ด้านการส่งเสริมวัฒนธรรม ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ด้านคุณภาพและความปลอดภัยในระดับสากล และด้านการขยายช่องทางการตลาดในต่างประเทศ เป็นต้น

วันนี้(17 ส.ค. 2559) ณ บริเวณหน้าตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี      นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำนายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหารพร้อมคณะผู้บริหารสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ“ส่งเสริมมาตรฐานอาหารไทยและความเป็นเอกลักษณ์ด้านรสชาติอาหารไทยสู่ภาคอุตสาหกรรม”(Authenticity of Thai Food Industry) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในภาคการผลิตให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารไทยในทุกมิติ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์แผนการพัฒนาเอสเอ็มอีในการผลิตเมนูอาหารแปรรูปให้มีรสชาติไทย หรือAuthentic Thai Taste โดยส่งเสริมให้มีการพัฒนา ปรับปรุงกระบวนการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นน้ำซอส หรือผงปรุงรสให้อยู่ในรูปแบบกึ่งสำเร็จรูปที่ยังคงรสชาติ และกลิ่นอายของความเป็นอาหารไทยไว้ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะปรุงที่ไหนก็จะได้รสชาติอาหารที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีเป้าหมายยกระดับผู้ประกอบการให้ได้ 500 รายต่อปี นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างมาตรฐานอาหารไทยให้แก่ภาคการบริการโดยเฉพาะร้านอาหารไทยที่กระจายอยู่มากกว่า 20,000 แห่งทั่วโลก ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับสากล เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งมาตรฐานด้านการเลือกใช้วัตถุดิบที่ถูกต้องครบถ้วนตามสูตรต้นแบบการปรุงอาหารของไทย และด้านรสชาติอาหารไทยที่มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการและผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์จะได้รับเครื่องหมายมาตรฐาน Authenticity of Thai Food Industry เพื่อรับรองว่าเป็นอาหารรสไทยแท้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำนายกรัฐมนตรีชมนิทรรศการแสดงความเป็นมาของโครงการ“ส่งเสริมมาตรฐานอาหารไทยและความเป็นเอกลักษณ์ด้านรสชาติอาหารไทยสู่ภาคอุตสาหกรรม โดยมีสถาบันอาหาร ซึ่งเป็นสถาบันเครือข่ายสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานดำเนินงานหลัก ร่วมด้วยหน่วยงาน   บูรณาการ ได้แก่ สำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะร่วมกันส่งเสริมภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาหารไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่การวางแผนการจัดการคุณภาพวัตถุดิบให้มีคุณภาพและความปลอดภัย พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้มีมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม  ยกระดับมาตรฐานการผลิตให้เป็นสากลโดยการวิเคราะห์และทดสอบรสชาติ รวมทั้งการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งให้การรับรองมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย ส่งเสริมช่องทางการตลาดในต่างประเทศ และให้การรับรองมาตรฐาน Authenticity of Thai Food เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการประสานกับกระทรวงต่างๆ เพื่อจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน บูรณาการความร่วมมือให้ครอบคลุมในทุกมิติของการส่งเสริมมาตรฐานอาหารไทย และความเป็นอกลักษณ์ด้านรสชาติอาหารไทยสู่ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงแรงงาน ทำหน้าที่ ยกระดับและพัฒนาฝีมือแรงงาน  กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬากระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นต้น

ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ได้รายงานผลการดำเนินงาน และความคืบหน้าของโครงการในส่วนของการส่งเสริมภาคการบริการอุตสาหกรรมอาหารไทยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดมาตรฐานอาหารไทยนำร่องทั้งหมด 13 เมนู แบ่งเป็นอาหารคาว 11 เมนู ได้แก่ ส้มตำไทย ผัดไทย กะเพราหมู ต้มยำกุ้งน้ำใส ต้มยำกุ้งน้ำข้น มัสมั่นไก่ สะเต๊ะไก่ ลาบหมู ต้มข่าไก่  พะแนงเนื้อ แกงเขียวหวานไก่ และอาหารหวาน 2 เมนู ได้แก่ ทับทิมกรอบ และ      ข้าวเหนียวมูนมะม่วงน้ำดอกไม้ โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารไทยจากผู้ปรุงต้นแบบจำนวน 7 ราย มาร่วมกำหนดมาตรฐานอ้างอิงอาหารไทยโดยการปรุงอาหารไทย และจัดกิจกรรมทดสอบทางประสาทสัมผัสโดยการชิม และทำการทดสอบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้เครื่อง Electronic nose และ Electronic tongue     ที่สามารถรับรู้กลิ่นและรสชาติต่างๆ เพื่อรวบรวมฐานข้อมูลใช้เป็นค่ามาตรฐานในการอ้างอิงจัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้การรับรองมาตรฐานอาหารไทยเข้ามาช่วยในการตรวจวัดเพื่อคำนวณค่ากลิ่นรส และรสชาติค่าความเผ็ด ความเค็ม ความหวาน ความเปรี้ยว และอูมามิ  ซึ่งจะได้มอบเครื่องหมาย Authenticity of Thai Food Industry เพื่อรับรองว่าเป็นอาหารรสไทยแท้ให้กับผลิตภัณฑ์อาหารและร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศในลำดับต่อไป 

ทั้งนี้ในวันที่ 24 สิงหาคม  นี้ สถาบันอาหาร มีกำหนดการจัดงานAuthenticity of Thai Food to The World เพื่อเผยแพร่อาหารต้นแบบทั้ง 13 เมนูดังกล่าว โดยจัดเสิร์ฟในรูปแบบกาล่าดินเนอร์ ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ โรงแรมพลาซ่าแอททินี กรุงเทพฯ โดยได้เชิญคณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ คณะรัฐมนตรี แขกผู้มีเกียรติระดับประเทศจากภาครัฐและเอกชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์มาตรฐานอาหารไทยและความเป็นเอกลักษณ์ด้านรสชาติอาหารไทย อันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของอาหารไทยและส่งเสริมยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

สถาบันอาหาร จัดสัมมนา “ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต”

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร  เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง  "นวัตกรรม หรือธรรมชาติ ”  ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต   ในวันพฤหัสบดีที่  14  กันยายน  2560  เวลา  0 8.30   -   16.00   น. ณ ห้องจูเนียร์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์   สุขุมวิท โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนผู้ประกอบการอาหารเพื่ออุตสาหกรรมอาหารอนาคต (Future Food)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้กับผู้ประกอบการท ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร  เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ในการพัฒนา สร้างโอกาสทางการค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต   โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น   สามารถ ดูรายละเอียดและ ลงทะเบียนตอบรับการเข้าร่วมได้ ที่ http://fic.nfi.or.th  หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณกนกวรรณ  ฝ่ายวิจัยและข้อมูล  โทร .   0-2422 86...

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...