ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กพร. รุกไอเดียเหมืองแร่รักษ์โลก เปิดโครงการ CSR-DPIM นำร่อง เหมือง 71 แห่งทั่วไทย

กรุงเทพฯ 17 พฤษภาคม 2559 - กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) จัด โครงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐานนำเกณฑ์มาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR-DPIM) ไปประยุกต์ใช้ในสถานประกอบการ ปี 2559” โดยจัดต่อเนื่องขึ้นเป็นปีที่ โครงการ CSR-DPIM เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ใช้ในการสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแร่ ให้มีแนวทางการดำเนินธุรกิจตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ เนื่องจากมาตรฐาน CSR-DPIM นั้นสอดคล้องตามมาตรฐานสากล ISO 26000  ครอบคลุมแนวปฏิบัติ หัวข้อหลักด้วยกัน คือ การกำกับดูแลองค์กร สิทธิมนุษยชน การปฏิบัติด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม การปฏิบัติที่เป็นธรรม ผู้ใช้แร่ และการมีส่วนร่วมกับสังคมและชุมชน  ตลอดระยะเวลา ปีที่ผ่านมา (2553-2558) มีผู้ประกอบอุตสาหกรรมแร่ได้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถประยุกต์นำมาตรฐาน CSR-DPIM ในสถานประกอบการของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ  จำนวน 71 แห่ง โดยในปี 2559 กพร.ตั้งเป้าขยายผลสถานประกอบการเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10 แห่ง

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทร. 02 202 3555 หรือเว็บไซต์www.dpim.go.th



นายชาติ หงส์เทียมจันทร์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้จัด “โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมแร่ให้มีมาตรฐานสากลเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม(CSR-DPIM)” ประจำปี 2559 ขึ้น เพื่อสอดรับกับยุทธศาสตร์ในการผลักดันและส่งเสริมให้สถานประกอบการอุตสาหกรรมแร่มีความรับผิดชอบต่อสังคมเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแร่สามารถประกอบการอย่างต่อเนื่องและอยู่ร่วมกับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ ตลอดจนสร้างความเข้าใจและก่อให้เกิดการยอมรับในความจำเป็นของการนำทรัพยากรแร่มาใช้ประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลให้ผลิตและใช้แร่ได้อย่างยั่งยืนก่อให้เกิดความมั่นคงในอุตสาหกรรมแร่ในระยะยาวต่อไปอย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาตลอดการดำเนินโครงการฯ มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ และได้รับการส่งเสริมให้สามารถนำมาตรฐานสากลเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคมไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้แล้วจำนวน 71 แห่ง ละในปี 2559 นี้ กพร. ตั้งเป้าส่งเสริมสถานประกอบการให้สามารถนำมาตรฐานดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10 แห่ง

โดยรายละเอียดของโครงการดังกล่าว ได้กำหนดมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อสังคม ประกอบด้วย 7 หัวข้อหลัก ได้แก่ การกำกับดูแลองค์กร หลักสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติด้านแรงงาน ด้านสิ่งแวดล้อม  การดำเนินงานอย่างเป็นธรรม ประเด็นผู้บริโภค การมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน โดยทั้ง 7 หลักดังกล่าวสามารถพิจารณาจากหลายองค์ประกอบ อาทิ ผู้ประกอบการมีความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นลายลักษณ์อักษร  ผู้ประกอบการมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ แก้ไขข้อร้องเรียน รวมถึงให้ความเป็นธรรมแก่ลูกจ้าง ผู้ประกอบการควรมีการจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ประกอบการมีการพัฒนาและปรับปรุงระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กร เพื่อลดผลกระทบจากมลพิษ  ผู้ประกอบการมีการส่งเสริมการต่อต้านการคอร์รัปชั่น การแข่งขันอย่างเป็นธรรม ฯลฯ 

นายชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กพร. ได้จัดตั้งเครือข่าย CSR-DPIM เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมการขยายผลความร่วมมือในระดับเครือข่ายของสถานประกอบการอุตสาหกรรมแร่ ผ่านการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Group Training) เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมใหม่ๆ จากเวทีแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ และการจัดศึกษาดูงานนอกสถานที่ ตลอดจนการขยายผลการดำเนินงานร่วมกับชุมชน โดยในปี 2558 นี้มีสถานประกอบการ CSR-DPIM จำนวน 10 แห่ง มีการปฏิบัติสอดคล้องตามเกณฑ์การทวนสอบมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแร่ (CSR-DPIM) และมีสถานประกอบการเครือข่าย CSR-DPIM จำนวน 41 แห่ง จาก 48 แห่งทั่วประเทศ ที่มีการปฏิบัติสอดคล้องตามเกณฑ์การทวนสอบรายงาน (Self Assessment Report)มาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแร่ (CSR-DPIM)  

สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยในฐานะที่เป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำที่มีความสำคัญมากสำหรับภาคการผลิต โดยผลผลิตจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่กว่าร้อยละ 70 ถูกใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆภายในประเทศ สร้างมูลค่ากว่า ล้านล้านบาทต่อปี ในขณะเดียวกันอุตสาหกรรมเหมืองแร่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ทั้งในแง่ของการเป็นอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ ซึ่งหากไม่มีการกำกับดูแลที่ดีจะส่งผลกระทบต่อชุมชน สร้างความวิตกกังวลของชุมชนโดยรอบ โดยการแก้ไขปัญหานอกจากจะต้องกำกับดูแลการประกอบการให้เกิดความปลอดภัย สร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะต้องสร้างความตระหนักและยอมรับการประกอบการเหมืองแร่ให้แก่ชุมชนในพื้นที่ รวมทั้งยังจะต้องส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังและให้ชุมชนได้รับความคุ้มครองและได้รับประโยชน์จากการประกอบการในพื้นที่อีกด้วย นายชาติ กล่าวสรุป 

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทร. 02 202 3555 หรือเว็บไซต์www.dpim.go.th




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

สถาบันอาหาร จัดสัมมนา “ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต”

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร  เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง  "นวัตกรรม หรือธรรมชาติ ”  ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต   ในวันพฤหัสบดีที่  14  กันยายน  2560  เวลา  0 8.30   -   16.00   น. ณ ห้องจูเนียร์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์   สุขุมวิท โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนผู้ประกอบการอาหารเพื่ออุตสาหกรรมอาหารอนาคต (Future Food)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้กับผู้ประกอบการท ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร  เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ในการพัฒนา สร้างโอกาสทางการค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต   โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น   สามารถ ดูรายละเอียดและ ลงทะเบียนตอบรับการเข้าร่วมได้ ที่ http://fic.nfi.or.th  หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณกนกวรรณ  ฝ่ายวิจัยและข้อมูล  โทร .   0-2422 86...

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...