ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กระทรวงอุตสาหกรรมยุติสัมปทานเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศ ให้เวลาเหมืองอัคราฯ ถึงสิ้นปี !


กระทรวงอุตสาหกรรมประกาศยุติการอนุญาตการสำรวจและการทำเหมืองแร่ทองคำทั้งหมดทั่วประเทศ สำหรับเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่ยังเปิดดำเนินการอยู่จะประกอบกิจการได้ถึงสิ้นปี 2559 เท่านั้น

นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ว่า ตามที่มีประชาชนร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัคราฯ บริเวณรอยต่อของจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอหนทางแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัคราฯ โดยมีผู้แทนของกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้ง ๔ กระทรวง และภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ นักวิชาการ ประชาชน และผู้ประกอบการ ขั้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ได้มีการประชุมไปแล้ว ๓ ครั้ง มีผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพระดับหนึ่ง นอกจากนี้ รัฐมนตรีและผู้บริหารของกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้ง ๔ กระทรวง ได้ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัคราฯ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งกลุ่มผู้คัดค้านและกลุ่มผู้สนับสนุน โดยใช้ข้อมูลผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เพื่อประกอบการลงพื้นที่ด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า ทั้ง ๔ กระทรวงที่เกี่ยวข้องได้มีการหารือร่วมกันถึงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้านต่างๆ สรุปว่า ในปัจจุบันยังคงมีปัญาเรื่องร้องเรียนและข้อขัดแย้งของประชาชนในพื้นที่ แม้จะยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าปัญหาเรื่องร้องเรียนและผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน เกิดจากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัคราฯ หรือไม่แต่เพื่อประโยชน์ของสังคมและประชาชนเป็นส่วนรวมและแก้ปัญหาความแตกแยกของประชาชนในชุมชนประกอบกับมีคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ๒๕๕๗ ว่าการดำเนินการจะต้องโปร่งใส ไม่สร้างมลพิษ ประชาชนไม่ต่อต้าน และยังไม่อนุมัติ จึงมีมติร่วมกัน ดังนี้

1. ยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำและประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงคำขอต่ออายุประทานบัตรด้วย

2. ในกรณีของบริษัท อัคราฯ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพนักงาน และเพื่อเตรียมการเลิกประกอบกิจการ จึงเห็นควรให้ต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมไปจนถึงสิ้นปี 2559 เพื่อให้สามารถนำแร่ที่เหลืออยู่ไปใช้ประโยชน์ได้ พร้อมทั้งให้บริษัท อัคราฯ เร่งดำเนินการปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองให้เป็นไปตามเงื่อนไขการอนุญาต

3.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลประชาชนและบรรเทาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังสิ้นสุดการประกอบกิจการเหมืองแร่และโลหกรรมของบริษัท อัคราฯ ดังนี้

- กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับดูแลการปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่

- กระทรวงสาธารณสุข ดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

- กระทรวงแรงงาน ดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการตามข้อกฎหมาย ระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้อง และ            บูรณาการ ส่วนราชการต่างๆเพื่อให้เป็นไปตามมติร่วมกันของทั้ง 4 กระทรวงข้างต้นแล้ว 

กระทรวงอุตสาหกรรม จะประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบที่ได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการ ทั้งด้านการกำกับดูแลการปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมือง การดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

ทั้งนี้ การช่วยเหลือพนักงานของบริษัท อัคราฯ นอกจากกระทรวงอุตสาหกรรม จะประสานกับกระทรวงแรงงานในการให้ความช่วยเหลือแล้ว จะประสานผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรให้นำเงินกองทุนพัฒนาทิ้งถิ่น ซึ่งมีเงินประมาณ 45 ล้านบาท มาให้การช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

สถาบันอาหาร จัดสัมมนา “ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต”

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร  เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง  "นวัตกรรม หรือธรรมชาติ ”  ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต   ในวันพฤหัสบดีที่  14  กันยายน  2560  เวลา  0 8.30   -   16.00   น. ณ ห้องจูเนียร์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์   สุขุมวิท โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนผู้ประกอบการอาหารเพื่ออุตสาหกรรมอาหารอนาคต (Future Food)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้กับผู้ประกอบการท ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร  เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ในการพัฒนา สร้างโอกาสทางการค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต   โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น   สามารถ ดูรายละเอียดและ ลงทะเบียนตอบรับการเข้าร่วมได้ ที่ http://fic.nfi.or.th  หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณกนกวรรณ  ฝ่ายวิจัยและข้อมูล  โทร .   0-2422 86...

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...