ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กรมโรงงานฯ โชว์ผลงานลดใช้สาร HCFC-22 ในกลุ่มอุตสาหกรรมแอร์ พร้อมตั้งเป้าประเทศไทยปลอดสารทำลายโอโซนปี 73


กรุงเทพฯ 20 เมษายน 2559 กรมโรงงานอุตสาหกรรม โชว์ผลงานโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน นำร่องดึง 10 โรงงานในกลุ่มเครื่องปรับอากาศ ลดการใช้สารทำความเย็น HCFC-22 เป็นสารทำความเย็นชนิดใหม่ HFC-32 เพื่อลดการทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวคาดว่าจะลดการใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนได้กว่า 46 โอดีพีตันต่อปี  และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประมาณ 1,116,333  ตันคาร์บอนไดออกไซด์  อย่างไรก็ตามจากนโยบายของรัฐบาลมีเป้าหมายให้ประเทศไทยลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs) ภายในปี 2573  สำหรับผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจเกี่ยวกับโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักสนธิสัญญาและยุทธศาสตร์ 0-2202-4228 หรือเข้าไปที่ www.diw.go.thและสายด่วน กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1564

 

 

นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกับธนาคารโลกจัดทำแผนการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Thailand HCFC Phase-out Project : HPMP) โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs) ในประเทศไทยภายในปี 2573 โดยที่ผ่านมาได้มอบหมายให้กรมโรงงานฯ จัดทำแผนดำเนินงานโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs) รวมถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินและเทคโนโลยี ผ่านโครงการต่างๆ อีกทั้ง มีมาตรการด้านการเผยแพร่ความรู้ประชาสัมพันธ์ ด้วยการดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด 

ด้าน ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม รองโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมโรงงานฯ ร่วมมือกับธนาคารออมสิน ดำเนินโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ระยะที่ 1  โดยธนาคารออมสินมีบทบาทในการเป็นผู้บริหารเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากกองทุนพหุภาคีภายใต้พิธีสารมอนทรีออลผ่านธนาคารโลก ซึ่งได้มีผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมผลิตเครื่องปรับอากาศ รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก ประเทศญี่ปุ่น ในโครงการดังกล่าว รวม 10 ราย ได้แก่ 1.บริษัท บิ กริมม์ แอร์คอนดิชันนิ่ง จำกัด 2.บริษัท บิสไวท์ (ประเทศไทย) จำกัด 3. บริษัท อิมิแนนท์แอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 4.บริษัท พีพีเจ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 5.บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 6.บริษัท ทรัพย์สุขศิริ จำกัด 7.บริษัท สุปรีม ซี เอ็น บี คอร์ปอเรชั่น จำกัด 8.บริษัท ทรัพย์ทองห่อ จำกัด 9.บริษัท ยูนิโก้ คอนซูมเมอร์ จำกัด 10.บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมดังกล่าวได้ใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC-32) ทดแทน คาดว่าจะลดการใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนได้กว่า 46 โอดีพีตันต่อปี  และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประมาณ 1,116,333  ตันคาร์บอนไดออกไซด์

 

นายสมศักดิ์ จิตติพลังศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า  ซัยโจ เด็นกิ  ได้รับเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น เป็นจำนวนเงินกว่า 38 ล้านบาท เพื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ใช้ในกระบวนการผลิต และอุปกรณ์ความปลอดภัยสำหรับสายการผลิตที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้ง การปรับเปลี่ยนสารทำความเย็นจากเดิมใช้สาร HCFC-22 เปลี่ยนเป็นสารทดแทน HFC-32 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถลดการใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนได้กว่า 6 โอดีพีตันต่อปี รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 140,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์  ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัท  ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และเริ่มทำการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใช้สาร HFC-32 เป็นสารทำความเย็น โดยได้พัฒนาปรับปรุงคอมเพรสเซอร์ และผลิตเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 – 25,000 บีทียู ในรุ่น Fixed Speed และ Inverter เพื่อรองรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ออกู่ตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศ HFC-32 เพื่อออกสู่ตลาดในประเทศไทย และส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม ลาว เป็นที่เรียบร้อย และกำลังเตรียมส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ในเร็วๆ นี้ จึงเป็นตัวอย่าง และกรณีศึกษาที่ดีของการพัฒนาเทคโนโลยีโดยบริษัทคนไทย ในการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีไปยังประเทศต่างๆ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจประเทศตามนโยบายภาครัฐ

 

สำหรับผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจเกี่ยวกับโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักสนธิสัญญาและยุทธศาสตร์ 0-2202-4228 หรือเข้าไปที่ www.diw.go.th และสายด่วน กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1564 





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

สถาบันอาหาร จัดสัมมนา “ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต”

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร  เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง  "นวัตกรรม หรือธรรมชาติ ”  ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต   ในวันพฤหัสบดีที่  14  กันยายน  2560  เวลา  0 8.30   -   16.00   น. ณ ห้องจูเนียร์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์   สุขุมวิท โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนผู้ประกอบการอาหารเพื่ออุตสาหกรรมอาหารอนาคต (Future Food)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้กับผู้ประกอบการท ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร  เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ในการพัฒนา สร้างโอกาสทางการค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต   โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น   สามารถ ดูรายละเอียดและ ลงทะเบียนตอบรับการเข้าร่วมได้ ที่ http://fic.nfi.or.th  หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณกนกวรรณ  ฝ่ายวิจัยและข้อมูล  โทร .   0-2422 86...

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...