ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กสอ. จับมือ สวทช. ดัน SMEs ไทยสู่อุตสาหกรรมแห่งนวัตกรรม

 ​กรุงเทพฯ 14 ธันวาคม 2558 – กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เร่งเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และพัฒนานวัตกรรม (Innovation) ให้ 5 อุตสาหกรรมดาวเด่น รองรับ10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล มุ่งหวังสร้างมูลค่าเพิ่มในภาพรวมให้กับอุตสาหกรรมไทยได้กว่าร้อยละ 15

ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การส่งเสริมและพัฒนา SMEs ของไทยในปัจจุบันจำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับ SMEs โดยเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และพัฒนานวัตกรรม (Innovation) เพื่อยกระดับและสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ ดังนั้น ภาครัฐจึงผลักดันการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาและยกระดับ SMEs ตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านการทำงานเชิงบูรณาการร่วมกันของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติโดยมีเป้าหมายที่จะใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมไทย โดยเน้น 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ในเชิงนวัตกรรม ซึ่งการจะพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายได้นั้นงานวิจัยเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงหารือเพื่อสร้างข้อตกลงร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อผลักดันงานด้านวิจัยและพัฒนา และการเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการให้มีผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่านการทดสอบรับรอง เพื่อรองรับ10 อุตสาหกรรมเป้าหมายได้อย่างมีศักยภาพและยั่งยืน

ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของเอสเอ็มอีไทย และความร่วมมือในครั้งนี้ ว่า “กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีพันธกิจหลักในด้านการทำวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและสังคม ซึ่ง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ถือเป็นหน่วยงานที่มีความเข้มแข็งทางด้านการวิจัยและพัฒนามีระบบการถ่ายทอดและบริหารจัดการเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีความพร้อมด้านบุคลากรในการวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และช่วยเหลือให้ภาคอุตสาหกรรมมีการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมไปใช้เพิ่มผลิตภาพ คุณภาพ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งเป็นข้อต่อสำคัญที่ทำให้เกิดความเชื่อมโยงงานทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปสู่ภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี การส่งต่อโอกาสการเข้าถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี       จะเป็นไปอย่างสมบูรณ์ได้ ก็ด้วยความร่วมมือและการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่หลักในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมโดยตรง คือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม

ดังนั้เพื่อร่วมกันปักธงนวัตกรรมให้เป็นเครื่องมือในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคธุรกิจ และนำความเข้มแข็งของทั้งสองหน่วยงานได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ ฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สวท. ในการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็วและสร้างความสมบูรณ์ให้กับข้อต่อของกลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยี จึงเป็นที่มาของการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาและการเสริมสร้างศักยภาพอุตสาหกรรมในครั้งนี้ อันจะเป็นการนำเอาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ และนำประเทศก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ซึ่งนับเป็นการสร้างอนาคตประเทศไทยร่วมกันให้มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” 

 

 

ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กสอ. ได้ดำเนินการพัฒนานำร่องใน กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อาหาร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และไบโอพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ มีขอบเขตความร่วมมือกันในการส่งเสริมและพัฒนาให้ได้มาตรฐานและมีกระบวนการในการทดสอบ ส่งเสริมการออกแบบ โดยนำเอางานวิจัยและเทคโนโลยีในด้านการผลิตต่างๆ เข้ามาใช้ ตลอดจนการสนับสนุนของ สวทช. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพื่อยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ นอกจากนั้น ยังมีการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาบุคลากรสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือดังกล่าวจะสามารถทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SMEs จะยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในภาพรวมให้กับอุตสาหกรรมไทยได้กว่าร้อยละ 15

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) ฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม /  สวทช. มีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลักดันงานวิจัยและพัฒนาสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทย ให้มีการผลิตที่ได้มาตรฐานผ่านการทดสอบ และยกระดับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมด้านยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมไบโอพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค     ในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยผ่านกลไกทั้งการให้คำปรึกษาแนะนำด้านวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ การบริหารการผลิต ปรับปรุงกระบวนการผลิต และการวิเคราะห์และทดสอบ รวมถึงการอบรมสัมมนาและการจัดหาทรัพยากรสนับสนุนที่จำเป็น ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2559 จะมีโครงการนำร่องส่งต่อผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของทั้ง 2 ฝ่าย โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จะสนับสนุนเรื่องบริหารจัดการธุรกิจ ฝึกอบรมด้านการเงิน และการตลาด ส่วน สวทช. จะบริหารโครงการเชิงลึกเพื่อพัฒนาและยกระดับเทคโนโลยีการผลิตและสร้างนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนภาคเอกชนไทยให้มีขีดความสามารถทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้นและยั่งยืน โดย สวทช. มีศักยภาพและความพร้อมในการดำเนินงานได้ทันทีและสามารถขยายบริการได้ครอบคลุมทุกจังหวัดสำคัญของไทย ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสนับสนุน SMEs ให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องกว่า 15,000 ราย เป็นต้น 

นอกจากนี้โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) ฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม / สวทช. จะดำเนินงานโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปประจำปี 2559 ในกิจกรรมการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร รับสมัครผู้ประกอบการเข้ารับการอบรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในระหว่างวันที่ 23 - 24 ธันวาคม  2558 เวลา 8.30 -17.30 น. ณ ห้องอัมพวา ชั้น 10 โรงแรมวินเซอร์ สวีท แอนด์ คอนเวนชั่น ซอยสุขุมวิท 20 ถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นายปัญญวัฒก์      วิรัชวงศ์ โทรศัพท์ 02-644-8150 ต่อ 81877 หรือ 089-381-8621 และ นางภัคจิรา สุขสว่าง โทรศัพท์ 02 -564-7000 ต่อ 1363 หรือ 081-551-7859  

--------------------------








ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถาบันอาหาร - OTAGAI Forum Association ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลหนุนเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น

นายบรรสาน  บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว   (แถวยืนที่  4  จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลง (MOU)   ระหว่าง  นา ยยงวุฒิ   เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (แถวนั่งขวา)   และ Mr.Daisuke Matsushima, Joint CEO of Otagai Forum Association   (แถวนั่งซ้าย)  โดยมี ผู้แทนจาก  OTAGAI Forum Association  และ ผู้แทนจ ากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ให้เกียรติร่วมงาน  ณ สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว   ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อเร็วๆ นี้    เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์ ภายใต้  OTAGAI  Project  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศเกิดการพัฒนาธุรกิจ ระดับเอสเอ็มอี ใหม่ๆ   ในอนาคต

สถาบันอาหาร จัดสัมมนา “ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต”

สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม  เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร  เข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง  "นวัตกรรม หรือธรรมชาติ ”  ทิศทางการบริโภคอาหารแปรรูปไทยในอนาคต   ในวันพฤหัสบดีที่  14  กันยายน  2560  เวลา  0 8.30   -   16.00   น. ณ ห้องจูเนียร์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์   สุขุมวิท โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนผู้ประกอบการอาหารเพื่ออุตสาหกรรมอาหารอนาคต (Future Food)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้กับผู้ประกอบการท ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร  เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ในการพัฒนา สร้างโอกาสทางการค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต   โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น   สามารถ ดูรายละเอียดและ ลงทะเบียนตอบรับการเข้าร่วมได้ ที่ http://fic.nfi.or.th  หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณกนกวรรณ  ฝ่ายวิจัยและข้อมูล  โทร .   0-2422 86...

กรมส่งเสริมการค้าฯเผยโอมานห้ามนำเข้าไก่จาก 7 ประเทศ ชี้ไก่ไทยได้รับอานิสงค์จากความนิยมในคุณภาพ-มาตรฐานการผลิต ส่งออกไก่ภาพรวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 2.4 แสนตัน

นาง นันท วัลย์  ศกุนต นาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจาะตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัล ยะ รมว.พาณิชย์ว่า  กระทรวงเกษตรและประมง ประเทศโอมานได้ออกประกาศมติรัฐมนตรีห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง ไก่มีชีวิต จากประเทศเวียดนาม แคนาดา ตุรกี สหรัฐฯ  บูร์ กิ นาฟา โซ ไนเจอร์ และไนจีเรียจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ  ​ ทั้งนี้ โอมานนำเข้าไก่สด จากทั่วโลก ในปี 57 มูลค่า 198.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  หรือ   ลดลง 12 %  เมื่อเทียบ ก่อน   โดย โอมานนำเข้า ไก่สดแช่แข็งจากไทยมูลค่า 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าปี 58 จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.)ปีนี้ ไทยส่งออกไก่แช่แข็งไปโอมานแล้ว 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ สำหรับการส่ ง ออก ไก ่ สดแช ่ เย็น แช ่ แข็ง และแปรรูป ของไทยไปทั่วโลก   กรมฯตั้ง เป ้ าหมายการส ่ง ออกป ีนี้ ขยายตัว 5 %  คิดเป ็ นมูลค ่ าประมาณ   2,417 ล ้ านเหรียญสหรัฐ ฯ  ในช่วง 5 เดือนแรก ส่งออกไปแล้ว   957  ล้านเหร...